หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า ‘Self-Esteem‘ หรือ ‘ความภาคภูมิใจในตนเอง’ มากกว่า แต่จริงๆ แล้ว Self-Compassion นี่แหละค่ะ ที่เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความสุขที่แท้จริงและยั่งยืน
วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่า Self-Compassion vs Self-Esteem ต่างกันอย่างไร และทำไม Self-Compassion ถึงสำคัญกับชีวิตเรามากกว่าที่คิด พร้อมแนะนำวิธีฝึก Self-Compassion ง่ายๆ ที่เพื่อนๆ สามารถนำไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ถ้าพร้อมแล้ว ไปเริ่มกันเลยค่ะ!
Self-Esteem คืออะไร?
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า Self-Esteem หรือ ‘ความภาคภูมิใจในตนเอง’ กันอยู่แล้ว แต่เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน เรามาทบทวนความหมายของมันกันอีกครั้งนะคะ
Self-Esteem คือ ความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง มองเห็นคุณค่าของตัวเอง และรู้สึกภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น รวมไปถึงความสามารถและความสำเร็จต่างๆ ของเรา
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรามี Self-Esteem สูง เราก็จะรู้สึกมั่นใจในตัวเอง กล้าแสดงออก กล้าตัดสินใจ และพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ในชีวิต เราจะรู้สึกว่าตัวเอง ‘ดีพอ’ และ ‘มีคุณค่า’ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
แต่ในทางกลับกัน ถ้าเรามี Self-Esteem ต่ำ เราก็จะรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง ขาดความเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง และมักจะมองตัวเองในแง่ลบ เราจะรู้สึกว่าตัวเอง ‘ไม่ดีพอ’ ‘ไม่มีคุณค่า’ และไม่ deserving ของสิ่งดีๆ ในชีวิต
Self-Esteem มีทั้งด้านบวกและลบค่ะ
ข้อดีของ Self-Esteem สูง คือ ช่วยให้เรามีความสุข มองโลกในแง่ดี มีแรงบันดาลใจในการทำสิ่งต่างๆ และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น
แต่ข้อเสียของ Self-Esteem คือ มันมักจะผูกติดอยู่กับเงื่อนไขภายนอก เช่น ความสำเร็จ การยอมรับจากผู้อื่น หรือรูปลักษณ์ภายนอก ถ้าเราไม่ประสบความสำเร็จ หรือไม่ได้รับการยอมรับจากคนอื่น Self-Esteem ของเราก็จะลดลงทันที
นอกจากนี้ Self-Esteem ที่สูงเกินไปก็อาจจะนำไปสู่ความเย่อหยิ่ง จองหอง หรือมองไม่เห็นข้อผิดพลาดของตัวเองได้เช่นกัน
แล้ว Self-Compassion ล่ะ? มันคืออะไร และมันจะช่วยเราจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร? มาติดตามกันต่อในหัวข้อถัดไปนะคะ
Self-Compassion คืออะไร?
ทีนี้เรามาทำความรู้จักกับอีกคำหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นก็คือ Self-Compassion หรือ ‘ความเมตตาต่อตนเอง’ ค่ะ
Self-Compassion คือ การปฏิบัติต่อตนเองด้วยความเมตตา กรุณา และเข้าใจ เหมือนกับที่เราปฏิบัติต่อเพื่อนสนิทหรือคนที่เรารักเวลาที่พวกเขากำลังเผชิญกับความยากลำบากหรือความผิดพลาด
ลองนึกภาพตามนะคะ ถ้าเพื่อนสนิทของคุณทำผิดพลาด คุณจะพูดกับเขาว่าอย่างไร? คุณคงไม่ซ้ำเติมหรือตำหนิเขาใช่ไหมคะ คุณอาจจะปลอบใจเขา บอกเขาว่า “ไม่เป็นไรนะ ทุกคนผิดพลาดกันได้” หรือ “ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอนะ”
Self-Compassion ก็คือการที่เราพูดกับตัวเองแบบนั้นแหละค่ะ เมื่อเราทำผิดพลาด ล้มเหลว หรือรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง แทนที่จะตำหนิตัวเองว่า “ทำไมถึงโง่อย่างนี้” หรือ “ฉันมันไร้ค่า” เราจะหันมาโอบกอดตัวเองด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจตัวเองว่า “ไม่เป็นไรนะ ทุกคนผิดพลาดกันได้” หรือ “ฉันเข้าใจว่าเธอรู้สึกแย่ แต่เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป”
Self-Compassion ไม่ใช่การตามใจตัวเองหรือปล่อยให้ตัวเองทำอะไรก็ได้ตามใจชอบนะคะ แต่มันคือการยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง เข้าใจว่าทุกคนล้วนมีข้อผิดพลาด และปฏิบัติต่อตัวเองด้วยความเมตตาและความเข้าใจในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
หลายคนอาจจะสงสัยว่า Self-Compassion มันจะช่วยอะไรเราได้บ้าง? มาดูข้อดีและข้อเสียของมันกันค่ะ
Self-Compassion VS Self-Esteem ต่างกันอย่างไร?
ถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะเริ่มเห็นภาพแล้วว่า Self-Compassion และ Self-Esteem นั้นแตกต่างกัน แต่เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เรามาลองเปรียบเทียบกันแบบชัดๆ เลยค่ะ
Self-Esteem (ความภาคภูมิใจในตนเอง) | Self-Compassion (ความเมตตาต่อตนเอง) | |
---|---|---|
พื้นฐาน | การตัดสินคุณค่าของตัวเอง | การยอมรับและเข้าใจตนเอง |
เงื่อนไข | ขึ้นอยู่กับความสำเร็จและการยอมรับจากผู้อื่น | ไม่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขภายนอก |
ความรู้สึก | ภูมิใจเมื่อประสบความสำเร็จ เสียใจเมื่อล้มเหลว | เมตตาและเข้าใจตนเองเสมอ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว |
การปฏิบัติต่อตนเอง | พยายามทำให้ตัวเองดูดีในสายตาผู้อื่น | ปฏิบัติต่อตนเองด้วยความกรุณาและเข้าใจ |
ความสัมพันธ์กับผู้อื่น | อาจนำไปสู่การเปรียบเทียบและแข่งขัน | นำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีและเข้าอกเข้าใจผู้อื่น |
ผลกระทบต่อจิตใจ | ความสุขขึ้นอยู่กับความสำเร็จและการยอมรับ | ความสุขที่มาจากภายใน ไม่ผูกติดกับเงื่อนไขภายนอก |
จะเห็นได้ว่า Self-Esteem และ Self-Compassion นั้นมีพื้นฐานและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
Self-Esteem มักจะขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก ทำให้ความรู้สึกมั่นคงของเรามีความผันผวน ไม่แน่นอน ในขณะที่ Self-Compassion เป็นการสร้างความมั่นคงทางจิตใจจากภายใน ทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองได้ แม้ในวันที่เราไม่ประสบความสำเร็จหรือไม่ได้รับการยอมรับจากใคร
แล้วทำไม Self-Compassion ถึงสำคัญกว่า Self-Esteem ล่ะ? มาหาคำตอบกันต่อในหัวข้อถัดไปค่ะ
ทำไม Self-Compassion จึงสำคัญกว่า?
ถึงแม้ว่า Self-Esteem จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่จากการศึกษาและงานวิจัยต่างๆ พบว่า Self-Compassion นั้นมีประโยชน์มากกว่า และสามารถช่วยเราสร้างความสุขที่ยั่งยืนได้มากกว่า Self-Esteem ค่ะ
- Self-Compassion ช่วยลดความเครียด วิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า: เมื่อเราเผชิญกับความยากลำบากหรือความผิดพลาด Self-Compassion จะช่วยให้เรายอมรับและเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง แทนที่จะต่อต้านหรือวิจารณ์ตัวเอง ซึ่งจะช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลลงได้
- Self-Compassion นำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีกับตนเองและผู้อื่น: เมื่อเรามี Self-Compassion เราจะสามารถยอมรับและรักตัวเองได้อย่างที่เราเป็น ซึ่งจะทำให้เรามีความมั่นใจและกล้าที่จะแสดงออกอย่างแท้จริง นอกจากนี้ Self-Compassion ยังช่วยให้เราเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น นำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง
- Self-Compassion เป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาตนเองและเติบโตอย่างยั่งยืน: เมื่อเราปฏิบัติต่อตนเองด้วยความเมตตา เราจะสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดและเติบโตขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง Self-Compassion ช่วยให้เรามีความกล้าที่จะลองสิ่งใหม่ๆ และไม่กลัวที่จะล้มเหลว เพราะเรารู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็จะยังคงรักและให้กำลังใจตัวเองเสมอ
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
ถ้าเพื่อนๆ สนใจอยากศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Self-Compassion และผลกระทบเชิงบวกต่อชีวิต ลองหาอ่านบทความและงานวิจัยเหล่านี้ดูนะคะ
บทความภาษาไทย:
- การสร้างเสริมความสุขในชีวิตด้วยแนวคิด ความเมตตากรุณาต่อตนเอง จากวารสาร Suedujournal
- Wisdom of Happiness through Self-Compassion จากวารสารคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้
- ความกรุณาต่อตนเอง: ทางเลือกใหม่เพื่อสร้างสมดุลความภาคภูมิใจในตนเอง จากวารสารวิจัยและพัฒนาหลักสูตร
บทความภาษาอังกฤษ:
- งานวิจัยจาก The journal of Positive Psychology ชี้ให้เห็นว่าการฝึก Self-Compassion และมองโลกในแง่ดีสามารถช่วยลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้าในกลุ่มเสี่ยงได้
- งานวิจัยจาก MDPI พบว่า Self-Compassion และความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสุขในกลุ่มวัยรุ่นตอนปลาย
- งานวิจัยจาก Journal of Happiness Studies ชี้ให้เห็นว่าการฝึก Self-Compassion ช่วยเพิ่มความสุขและ Self-Esteem ได้
ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณสอบตก Self-Esteem อาจจะทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองโง่และไม่มีค่า แต่ Self-Compassion จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าการสอบตกเป็นเรื่องธรรมดา ทุกคนเคยผ่านความล้มเหลว และคุณสามารถเรียนรู้จากมันและพัฒนาตัวเองต่อไปได้
หรือลองนึกถึงวันที่คุณรู้สึกแย่กับรูปร่างหน้าตาของตัวเอง Self-Esteem อาจจะทำให้คุณรู้สึกไม่มั่นใจและเกลียดตัวเอง แต่ Self-Compassion จะช่วยให้คุณยอมรับและรักตัวเองในแบบที่คุณเป็น และให้กำลังใจตัวเองว่าคุณมีคุณค่ามากกว่าแค่รูปลักษณ์ภายนอก
เห็นไหมคะว่า Self-Compassion นั้นมีพลังในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้อย่างมากมาย แล้วเราจะเริ่มฝึก Self-Compassion ได้อย่างไร? มาดูกันในหัวข้อถัดไปค่ะ
มาฝึก Self-Compassion กัน!
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะอยากรู้แล้วว่า แล้วเราจะเริ่มฝึก Self-Compassion ได้ยังไง? ไม่ต้องกังวลค่ะ การฝึก Self-Compassion ไม่ใช่เรื่องยาก และสามารถทำได้ในชีวิตประจำวันเลยค่ะ
1. พูดกับตัวเองด้วยความเมตตา
เวลาที่เพื่อนๆ ทำผิดพลาดหรือรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง ลองสังเกตดูนะคะว่าเราพูดกับตัวเองยังไง? เราด่าว่าตัวเองไหม? เราตัดสินตัวเองรุนแรงเกินไปหรือเปล่า?
ถ้าใช่ ลองเปลี่ยนมาพูดกับตัวเองด้วยความเมตตาและความเข้าใจแทนค่ะ ลองพูดกับตัวเองเหมือนที่คุณจะพูดกับเพื่อนสนิทที่กำลังอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน
ตัวอย่างเช่น แทนที่จะพูดว่า “ฉันมันโง่ ทำไมถึงทำผิดพลาดแบบนี้อีกแล้ว” ลองเปลี่ยนเป็น “ไม่เป็นไรนะ ทุกคนผิดพลาดกันได้ เดี๋ยวเราก็เรียนรู้จากมันและทำได้ดีขึ้นในครั้งหน้า”
2. ยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ
ไม่มีใครเพอร์เฟ็กต์ค่ะ ทุกคนล้วนมีข้อดีและข้อเสีย มีวันที่ดีและวันที่แย่ การยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเองเป็นก้าวสำคัญในการฝึก Self-Compassion ค่ะ
ลองเปลี่ยนความคิดจาก “ฉันต้องเพอร์เฟ็กต์” เป็น “ฉันก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง ฉันมีสิทธิ์ที่จะผิดพลาดและไม่สมบูรณ์แบบ”
3. ฝึก Mindfulness
Mindfulness หรือการมีสติอยู่กับปัจจุบัน เป็นเครื่องมือสำคัญในการฝึก Self-Compassion ค่ะ เพราะมันช่วยให้เราสังเกตความคิดและความรู้สึกของตัวเองได้อย่างชัดเจน โดยไม่ตัดสิน
เวลาที่เรารู้สึกแย่ ลองหยุดสักพัก แล้วสังเกตความรู้สึกและความคิดที่เกิดขึ้น โดยไม่ต้องไปตัดสินว่ามันดีหรือไม่ดี แค่รับรู้ว่ามันมีอยู่
การฝึก Mindfulness เป็นประจำจะช่วยให้เรามีสติและควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เราปฏิบัติต่อตัวเองด้วยความเมตตาและความเข้าใจมากขึ้นค่ะ
4. หาแรงบันดาลใจจากผู้อื่น
การอ่านหนังสือ ฟังพอดแคสต์ หรือดูคลิปวิดีโอเกี่ยวกับ Self-Compassion ก็เป็นอีกวิธีที่ดีในการเรียนรู้และฝึกฝนค่ะ มีนักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญหลายท่านที่เขียนหนังสือและสร้างคอนเทนต์ดีๆ เกี่ยวกับ Self-Compassion ลองหาอ่านหรือหาฟังดูนะคะ รับรองว่าเพื่อนๆ จะได้แรงบันดาลใจและไอเดียใหม่ๆ ในการฝึก Self-Compassion อย่างแน่นอนค่ะ
การฝึก Self-Compassion อาจจะต้องใช้เวลาและความอดทนนะคะ แต่อย่าเพิ่งท้อค่ะ เริ่มจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน แล้วคุณจะค่อยๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ
สรุป
เป็นอย่างไรบ้างคะเพื่อนๆ หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักกับ Self-Compassion และ Self-Esteem กันไปแล้ว หวังว่าเพื่อนๆ จะเริ่มเข้าใจความแตกต่างของทั้งสอง และเห็นถึงความสำคัญของ Self-Compassion ในการสร้างความสุขที่แท้จริงและยั่งยืนในชีวิตของเรามากขึ้นนะคะ
Self-Compassion ไม่ใช่เรื่องของการตามใจตัวเอง หรือการมองข้ามข้อผิดพลาดของตัวเอง แต่มันคือการยอมรับความเป็นมนุษย์ของเรา การเข้าใจว่าทุกคนล้วนมีข้อดีและข้อเสีย มีวันที่ดีและวันที่ร้าย และการปฏิบัติต่อตัวเองด้วยความเมตตาและความเข้าใจในทุกช่วงเวลาของชีวิต
การฝึก Self-Compassion อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายในช่วงแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราเคยชินกับการตำหนิหรือตัดสินตัวเองมาตลอด แต่อยากให้เพื่อนๆ จำไว้ว่า Self-Compassion เป็นทักษะที่สามารถฝึกฝนได้ และยิ่งเราฝึกมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเก่งขึ้นเท่านั้น
เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การพูดกับตัวเองด้วยความเมตตา การยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ และการฝึก Mindfulness อย่างสม่ำเสมอ แล้วเพื่อนๆ จะค่อยๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ทั้งในความสัมพันธ์กับตัวเองและกับผู้อื่น
จำไว้นะคะว่า คุณมีคุณค่าในตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม และ Self-Compassion คือของขวัญที่คุณสามารถมอบให้ตัวเองได้ทุกวัน เพื่อสร้างความสุขที่แท้จริงและยั่งยืนจากภายใน
ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ ทุกคนในการเดินทางสู่ Self-Compassion นะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีค่ะ
สุดท้ายนี้ ขอฝากคำคมดีๆ ไว้ให้เพื่อนๆ ได้นำไปคิดกันค่ะ
“You yourself, as much as anybody in the entire universe deserve your love and affection” – Buddha
“จงรักและเมตตาต่อตนเอง เหมือนดังที่ท่านรักและเมตตาผู้อื่น” – พระพุทธเจ้า