วิธีนั่งสมาธิแบบง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ เริ่มต้นทำสมาธิสำหรับมือใหม่ในปี 2024

การทำสมาธิ (Meditation) คือ การฝึกจิตใจให้สงบนิ่ง มีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่ฟุ้งซ่านไปกับเรื่องต่างๆ รอบตัว ช่วยให้เราผ่อนคลาย ลดความเครียด เพิ่มสมาธิ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยรวม

เคยรู้สึกไหมคะว่าชีวิตประจำวันของเรามันช่างวุ่นวายเหลือเกิน? งานก็รัดตัว ปัญหาส่วนตัวก็รุมเร้า แถมโซเชียลมีเดียยังคอยส่งเสียงเรียกร้องความสนใจเราอยู่ตลอดเวลา จนบางครั้งเราก็อยากจะตะโกนออกมาว่า “พอแล้ว! ขอเวลาพักบ้าง!”

ถ้าเพื่อนๆ กำลังรู้สึกแบบนี้อยู่ล่ะก็ เราขอแนะนำให้ลองหันมา “นั่งสมาธิ” ดูค่ะ หลายคนอาจจะคิดว่าการนั่งสมาธิเป็นเรื่องยาก หรือต้องเป็นผู้ปฏิบัติธรรมเท่านั้นถึงจะทำได้ แต่ความจริงแล้วสมาธิเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นใคร ทำอาชีพอะไร หรือมีพื้นฐานความเชื่อแบบไหนก็ตาม

ในบทความนี้ เราจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับวิธีนั่งสมาธิแบบง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้ พร้อมทั้งแชร์เคล็ดลับและเทคนิคต่างๆ ที่จะช่วยให้การนั่งสมาธิเป็นเรื่องง่ายและสนุกมากขึ้นค่ะ ไม่ว่าเพื่อนๆ จะกำลังมองหาวิธีผ่อนคลายความเครียด เพิ่มสมาธิ หรือพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยรวม การทำสมาธิก็สามารถตอบโจทย์ได้ค่ะ ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มกันเลยค่ะ!

สารบัญ

ทำความรู้จักกับสมาธิ เพื่อนแท้ในวันที่ใจเหนื่อยล้า

หลายคนอาจจะมองว่าสมาธิเป็นเรื่องของทางศาสนาพุทธเพียงอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้ว สมาธิคือเครื่องมือที่ทุกคนสามารถใช้ได้ค่ะ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ทำอาชีพอะไร หรือมีความเชื่อแบบไหนก็ตาม ง่ายๆ เลย สมาธิก็คือการฝึกให้ใจเราสงบนิ่ง มีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่ฟุ้งซ่านไปกับเรื่องต่างๆ รอบตัวค่ะ

ฟังดูเหมือนง่ายเนอะ แต่เชื่อเถอะค่ะว่าตอนที่เราเริ่มฝึกใหม่ๆ ก็ไม่ง่ายเลยนะ ใจมันชอบคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย จนบางครั้งก็ท้อแท้ว่าเราจะทำได้ไหมเนี่ย

แต่พอได้ลองทำไปสักพัก ก็เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงค่ะ จิตใจสงบขึ้น สมาธิก็ดีขึ้น แถมยังรู้สึกว่าตัวเองมีพลังในการรับมือกับปัญหาต่างๆ มากขึ้นด้วยค่ะ

ประโยชน์ของการทำสมาธิที่ไม่ได้มีแค่ความสงบ

นอกจากจะช่วยให้จิตใจสงบแล้ว การนั่งสมาธิยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายค่ะ เช่น

  • ลดความเครียด: ช่วยให้เราปล่อยวางความกังวลต่างๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นค่ะ
  • เพิ่มสมาธิ: ฝึกให้เราจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำตรงหน้า ทำให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ
  • พัฒนาความคิดสร้างสรรค์: เมื่อใจสงบ ความคิดสร้างสรรค์ก็จะหลั่งไหลออกมาค่ะ
  • พัฒนาคุณภาพชีวิต: เมื่อใจเป็นสุข ชีวิตก็ดีขึ้นตามไปด้วยค่ะ

เห็นไหมล่ะคะว่าสมาธิมีประโยชน์มากมายขนาดไหน แล้วแบบนี้จะไม่ลองกันหน่อยเหรอคะ?

อย่าเพิ่งกลัว! สมาธิไม่ยากอย่างที่คิด

หลายคนอาจจะคิดว่าการนั่งสมาธิต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมาย หรือต้องไปนั่งในวัดเท่านั้น แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยนะคะ เราสามารถนั่งสมาธิที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ แค่มีเวลาสัก 5-10 นาทีก็พอแล้วค่ะ

นอกจากนี้ยังมีแอปทำสมาธิมากมายและคลิปวิดีโอในยูทูปที่ช่วยสำหรับการฝึกทำสมาธิให้ดูแบบฟรีๆ อีกด้วยนะคะ ไม่ต้องกลัวว่าจะเริ่มต้นไม่ถูกเลยล่ะค่ะ

เอาล่ะค่ะ! เมื่อเพื่อนๆ รู้จักกับสมาธิกันไปบ้างแล้ว คราวนี้เราจะมาเตรียมตัวกันให้พร้อม ก่อนจะไปนั่งสมาธิกันจริงๆ จังๆ กันค่ะ

เตรียมตัวก่อนนั่งสมาธิ เคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ สู่ความสงบ

การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้การนั่งสมาธิของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ เราไม่ได้จะให้เพื่อนๆ ไปหาชุดขาวมาใส่ หรือไปโกนหัวบวชชีพราหมณ์อะไรขนาดนั้น แค่ปรับเปลี่ยนอะไรเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว ก็ช่วยให้ใจเราสงบพร้อมรับสมาธิได้แล้วค่ะ

  1. สถานที่: หาที่สงบๆ ไว้ก่อนเลยค่ะ อาจจะเป็นมุมโปรดในห้องนอน ห้องทำงาน หรือแม้แต่สวนหลังบ้านก็ได้ค่ะ ขอแค่เป็นที่ที่เราสามารถอยู่คนเดียวได้อย่างสงบ ปราศจากเสียงโทรทัศน์ เสียงมือถือ หรือเสียงเจ้านายเรียก (อันนี้สำคัญมาก!)
  2. เวลา: ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการนั่งสมาธิคือช่วงเช้าตรู่ หรือช่วงเย็นๆ ก่อนนอนค่ะ เพราะเป็นช่วงที่จิตใจของเราค่อนข้างสงบ แต่ถ้าเพื่อนๆ ไม่สะดวกจริงๆ จะช่วงไหนก็ได้ค่ะ ขอแค่เป็นช่วงที่เราพอจะมีเวลาอยู่กับตัวเองสักพัก
  3. เสื้อผ้า: ไม่ต้องซีเรียสเรื่องการแต่งตัวค่ะ ขอแค่ใส่เสื้อผ้าที่สบายๆ ไม่รัดแน่นจนเกินไปก็พอแล้วค่ะ เพราะถ้าเสื้อผ้าอึดอัด ตัวเราก็จะอึดอัดตามไปด้วย แล้วแบบนี้จะไปนั่งสมาธิได้ยังไงกันล่ะคะ จริงไหมคะ?
  4. ท่าทาง: อันนี้แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนเลยค่ะ จะนั่งขัดสมาธิ นั่งพับเพียบหรือนั่งบนเก้าอี้ก็ได้หมดค่ะ ขอแค่เป็นท่าที่เรานั่งได้นานๆ โดยไม่ปวดเมื่อยก็พอค่ะ

ส่วนตัวเราเองชอบนั่งขัดสมาธิบนพื้นค่ะ เพราะรู้สึกว่ามันช่วยให้หลังตรงได้ง่ายขึ้น แต่บางวันถ้าเมื่อยมากๆ ก็จะเปลี่ยนมานั่งพับเพียบแทนค่ะ

Tips:

  • ถ้าห้องที่เรานั่งสมาธิมีแสงจ้าเกินไป อาจจะลองหรี่ไฟลง หรือหาผ้ามาปิดตาไว้ก็ได้ค่ะ
  • ถ้ากลัวว่าจะมีเสียงรบกวน อาจจะลองหาที่อุดหูมาใส่ดู หรือจะเปิดเพลงบรรเลงเบาๆ คลอไปด้วยก็ได้นะคะ
  • ถ้าเป็นไปได้ ควรจะปิดการแจ้งเตือนต่างๆ ในมือถือไว้ก่อนนะคะ เพื่อไม่ให้มีอะไรมาดึงความสนใจของเราไปค่ะ

แค่นี้เราก็พร้อมสำหรับการนั่งสมาธิแล้วค่ะ! ง่ายใช่ไหมล่ะคะ? ตอนนี้เพื่อนๆ น่าจะเตรียมตัวพร้อมสำหรับการนั่งสมาธิกันแล้ว ในหัวข้อถัดไป เราจะมาเรียนรู้วิธีนั่งสมาธิแบบง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ทำได้กันนะคะ

วิธีนั่งสมาธิแบบง่ายๆ เริ่มต้นสร้างความสงบจากภายใน

ไม่ต้องกังวลนะคะ ถ้าเพื่อนๆ เคยได้ยินมาว่าการนั่งสมาธิต้องใช้ความอดทนสูง หรือต้องมีจิตใจแข็งแกร่งอะไรทำนองนั้น บอกเลยว่าไม่จริงเสมอไปค่ะ เพราะสมาธิมีหลายรูปแบบ และวันนี้เราจะมาลองฝึกสมาธิแบบง่ายๆ ที่เหมาะสำหรับมือใหม่กันค่ะ

  1. หลับตาเบาๆ: เริ่มจากการหลับตาลงเบาๆ ค่ะ เพื่อลดสิ่งรบกวนจากภายนอก การหลับตาจะช่วยให้เราโฟกัสกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจิตใจได้ดีขึ้นค่ะ
  2. กำหนดลมหายใจ: ให้ความสนใจไปที่ลมหายใจของเราค่ะ สังเกตดูว่าลมหายใจเข้าออกยาวหรือสั้น รู้สึกถึงลมที่กระทบปลายจมูก หรือการเคลื่อนไหวของหน้าท้องที่ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ ไม่ต้องพยายามบังคับลมหายใจนะคะ แค่ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติค่ะ
  3. ปล่อยวางความคิด: ระหว่างที่เรากำลังกำหนดลมหายใจอยู่นั้น อาจจะมีความคิดต่างๆ ผุดขึ้นมาในหัวมากมาย ไม่ต้องตกใจค่ะ เป็นเรื่องปกติมากๆ เลย ให้เรารับรู้ถึงความคิดเหล่านั้น แล้วค่อยๆ ปล่อยมันไป อย่าไปยึดติดกับมันค่ะ เพียงแค่กลับมาโฟกัสที่ลมหายใจของเราอีกครั้ง

Tips:

  • หาจุดโฟกัส: ถ้ารู้สึกว่าใจยังฟุ้งซ่านอยู่ ลองหาจุดโฟกัสอื่นๆ นอกจากลมหายใจดูค่ะ อาจจะเป็นเสียงนาฬิกาที่ดังติ๊กต่อกๆ หรือความรู้สึกของเท้าที่สัมผัสกับพื้นก็ได้ค่ะ
  • อย่าฝืน: ถ้ารู้สึกไม่สบายตัว หรือเริ่มง่วง ให้ค่อยๆ ลืมตาขึ้น และเปลี่ยนอิริยาบถได้ค่ะ การฝืนทำต่อไปจะทำให้เราเครียดและไม่เกิดประโยชน์ค่ะ
  • ทำสั้นๆ แต่สม่ำเสมอ: ในช่วงแรกๆ อาจจะเริ่มจากการนั่งสมาธิแค่ 5-10 นาทีก่อนก็ได้ค่ะ แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลาขึ้นเมื่อเราเริ่มชิน สิ่งสำคัญคือทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอค่ะ ถึงแม้จะแค่ 5 นาที แต่ถ้าทำทุกวันก็จะเกิดประโยชน์อย่างแน่นอนค่ะ

ตอนที่เราเริ่มฝึกสมาธิใหม่ๆ ก็มีช่วงที่ใจฟุ้งซ่านมากๆ เหมือนกันค่ะ คิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อย จนบางครั้งก็ท้อแท้ว่าเราจะทำได้ไหม แต่พอได้ลองทำไปสักพัก ก็เริ่มรู้สึกว่าใจสงบลง ความคิดฟุ้งซ่านก็น้อยลง แถมยังรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าขึ้นด้วยค่ะ

การทำสมาธิเป็นเรื่องของการฝึกฝนค่ะ ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิดหรอกค่ะ สิ่งสำคัญคือการลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ แล้วเราจะค่อยๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

หวังว่าเพื่อนๆ จะเริ่มคุ้นเคยกับการนั่งสมาธิกันบ้างแล้วนะคะ ต่อไปเรามาดูกันค่ะว่าแม้จะใช้เวลาไม่นาน สมาธิสั้นๆ ก็สามารถสร้างประโยชน์ให้กับเราได้เช่นกันค่ะ

สมาธิสั้นๆ 5 นาที ก็สร้างความเปลี่ยนแปลงได้

หลายคนอาจจะคิดว่าการนั่งสมาธิต้องใช้เวลานานๆ เป็นชั่วโมงๆ ถึงจะเห็นผล แต่จริงๆ แล้วไม่จำเป็นเลยค่ะ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพียง 5-10 นาที ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับจิตใจและร่างกายของเราได้แล้วค่ะ

ลองนึกภาพตามนะคะ แทนที่จะใช้เวลา 5 นาทีนั้นไปกับการไถฟีดโซเชียลมีเดียแบบไม่มีจุดหมาย เราลองเปลี่ยนมาใช้เวลานั้นในการนั่งสมาธิ สังเกตลมหายใจเข้าออก ปล่อยวางความคิดฟุ้งซ่านดูสิคะ แค่ 5 นาทีนี้ก็อาจจะช่วยให้เรารู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และมีสมาธิมากขึ้นได้แล้วค่ะ

ยิ่งไปกว่านั้น การทำสมาธิสั้นๆ แบบนี้ยังสามารถแทรกเข้าไปในกิจวัตรประจำวันของเราได้ง่ายๆ ด้วยค่ะ เช่น

  • ตอนตื่นนอน: ลองตื่นเช้าขึ้นมาสัก 5 นาที แล้วนั่งสมาธิสักหน่อยก่อนเริ่มต้นวันใหม่
  • ระหว่างพักเบรก: แทนที่จะใช้เวลาพักไปกับการเล่นมือถือ ลองหาที่สงบๆ นั่งสมาธิสักพักก็ได้ค่ะ
  • ก่อนนอน: ลองนั่งสมาธิสัก 5-10 นาทีก่อนเข้านอน เพื่อให้ใจสงบและหลับสบายยิ่งขึ้น

ส่วนตัวเราเองก็เป็นคนที่ชอบทำสมาธิสั้นๆ ค่ะ บางวันก็แค่ 5 นาที บางวันก็นานหน่อย 15-20 นาที แล้วแต่ว่าจะมีเวลาว่างมากน้อยแค่ไหนค่ะ แต่สิ่งที่รู้สึกได้คือ ไม่ว่าจะทำนานแค่ไหน ก็รู้สึกว่าใจสงบขึ้น และมีพลังในการทำงานมากขึ้นค่ะ

Tips:

  • ตั้งเวลา: ถ้ากลัวว่าจะเผลอนั่งนานเกินไป ลองตั้งนาฬิกาปลุกไว้ก็ได้ค่ะ
  • ใช้แอปพลิเคชัน: มีแอปพลิเคชันมากมายที่ช่วยฝึกสมาธิค่ะ ลองโหลดมาใช้ดูก็ได้ค่ะ มีทั้งแบบที่มีเสียงนำสมาธิ และแบบที่จับเวลาให้ด้วยค่ะ
  • นั่งสมาธิได้ง่ายๆและฟรีด้วย YouTube: เหมือนกับการใช้แอปทำสมาธิเลยค่ะ โดยทั่วไปจะเป็นวิดีโอเสียงที่จะคอยไกด์เราในการเจริญสติ มีคลิปให้เลือกอย่างมากมายและหลากหลาย คนที่ยังไม่แน่ใจว่าอยากเสียเงินใช้แอปพลิเคชันช่วยทำสมาธิ การฝึกสมาธิผ่านทางยูทูปถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมมาก ทั้งยังสามารถดูได้อย่างฟรีๆ อีกด้วยค่ะ

อย่าคิดว่าสมาธิสั้นๆ จะไม่มีประโยชน์นะคะ แค่เราทำอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชีวิตของเราได้ค่ะ ลองดูนะคะ!

สำหรับเพื่อนๆ มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นฝึกสมาธิ อาจจะยังไม่คุ้นเคยหรือรู้สึกว่าการนั่งสมาธิแบบพื้นฐานนั้นยากไปสักหน่อย ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะเรามีเทคนิคเสริมที่จะช่วยให้การนั่งสมาธิเป็นเรื่องง่ายและสนุกยิ่งขึ้นค่ะ

เทคนิคเสริมสำหรับมือใหม่ การทำสมาธิไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

ใครว่าการทำสมาธิต้องน่าเบื่อ? ถ้าเรารู้จักเลือกใช้เทคนิคที่เหมาะกับตัวเอง รับรองว่าการทำสมาธิจะกลายเป็นช่วงเวลาที่ผ่อนคลายและมีความสุขได้ค่ะ ลองมาดูเทคนิคเหล่านี้กันนะคะ

  1. ใช้เสียงนำสมาธิ: เสียงธรรมชาติอย่างเสียงน้ำไหล เสียงฝนตก หรือเสียงนกร้อง สามารถช่วยให้จิตใจสงบและผ่อนคลายได้ค่ะ นอกจากนี้ยังมีเสียงดนตรีบรรเลงที่สร้างขึ้นมาเพื่อการเจริญสติโดยเฉพาะ หรือถ้าใครชอบแบบมีคนนำสมาธิ ก็สามารถหาคลิปเสียงนำสมาธิมาฟังได้ค่ะ
  2. นับลูกประคำ: การนับลูกประคำเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยให้จิตใจจดจ่ออยู่กับปัจจุบันได้ค่ะ นอกจากจะช่วยให้มีสมาธิแล้ว ยังช่วยให้รู้สึกสงบและผ่อนคลายอีกด้วยค่ะ
  3. ใช้แอปพลิเคชันและคลิปวิดีโอในยูทูปช่วยฝึกสมาธิ: ในยุคดิจิทัลแบบนี้ มีแอปพลิเคชันมากมายที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยฝึกสมาธิโดยเฉพาะเลยค่ะ ส่วนใหญ่จะมีฟีเจอร์เสียงนำสมาธิ การจับเวลา และการติดตามความคืบหน้าในการฝึกสมาธิของเราด้วย ลองหาดูนะคะ มีให้เลือกเยอะมากๆ เลยค่ะ

หากว่าเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากลองใช้แอปพลิเคชันช่วยฝึกสมาธิ เรามีแอปฯ เด็ดๆ มาแนะนำด้วยค่ะ รับรองว่าถูกใจทั้งมือใหม่และมือโปรแน่นอน

แอปพลิเคชันช่วยฝึกสมาธิ ตัวช่วยดีๆ ที่มีติดมือถือไว้ไม่เสียหาย

  1. Calm: แอปฯ นี้ขึ้นชื่อเรื่องเสียงธรรมชาติและเพลงบรรเลงที่หลากหลายมากๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังมีคอร์สสอนสมาธิหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบสั้นๆ 5 นาที หรือแบบยาวๆ เป็นชั่วโมงเลยค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบความหลากหลายและต้องการความผ่อนคลายแบบเต็มขั้น และ Calm เองยังมีช่องยูทูป ซึ่งมีคลิปวิดีโอที่ช่วยนำทางในการนั่งสมาธิอยู่มากมาย เพื่อนๆ อาจจะลองทำสมาธิผ่านช่องของ Calm ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจใช้แอปนี้ก็ได้ค่ะ และที่สำคัญที่สุดคือฟรีค่ะ!
  2. Headspace: ถ้าเพื่อนๆ เป็นมือใหม่หัดสมาธิ แอปนี้เหมาะมากๆ เลยค่ะ เพราะมีคอร์สสอนพื้นฐานทำสมาธิที่เข้าใจง่าย แถมยังมีภาพการ์ตูนน่ารักๆ ช่วยให้เราไม่เบื่อด้วยค่ะ
  3. Insight Timer: แอปฯ นี้มีจุดเด่นที่คลังเสียงนำสมาธิขนาดใหญ่ค่ะ มีทั้งเสียงธรรมชาติ เสียงดนตรี และเสียงนำสมาธิจากครูผู้สอนทั่วโลก แถมยังมีฟังก์ชันตั้งเวลาและติดตามสถิติการทำสมาธิของเราด้วยค่ะ
  4. Waking Up: แอปฯ นี้เหมาะสำหรับคนที่สนใจเรื่องจิตวิทยาและปรัชญาค่ะ เพราะมีเนื้อหาเกี่ยวกับการฝึกสติและการพัฒนาจิตใจที่ลึกซึ้ง นอกจากนี้ยังมีคอร์สสอนสมาธิหลากหลายรูปแบบให้เลือกด้วยค่ะ
  5. Medito: แอปฯ นี้เป็นแอปฯ ฟรีที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ มีทั้งเสียงนำสมาธิและคอร์สสอนสมาธิที่หลากหลาย แถมยังไม่มีโฆษณาคั่นให้กวนใจด้วยค่ะ

Tips:

  • ลองใช้หลายๆ แอปฯ: แต่ละแอปฯ มีจุดเด่นและสไตล์ที่แตกต่างกัน ลองใช้หลายๆ แอปฯ ดูนะคะ แล้วเลือกแอปฯ ที่เราชอบที่สุด
  • อย่าใช้แอปฯ เป็นข้ออ้าง: แม้ว่าแอปฯ จะช่วยให้การทำสมาธิสะดวกขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอค่ะ อย่าลืมว่าแอปฯ เป็นแค่เครื่องมือช่วยเท่านั้นนะคะ

ส่วนตัวเราชอบใช้แอปฯ Calm ค่ะ เพราะเสียงธรรมชาติในแอปฯ นี้ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายมากๆ แต่ก็มีบางวันที่ลองใช้แอปฯ อื่นๆ บ้าง เพื่อความหลากหลายค่ะ ต่อไปเราจะมาแนะนำช่องยูทูปสอนสมาธิกันบ้างค่ะ

ช่อง YouTube สอนสมาธิฟรี ฝึกสมาธิได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว

  1. The Honest Guys – Meditations – Relaxations: ช่องนี้มีคลิปเสียงนำสมาธิหลากหลายรูปแบบค่ะ ทั้งแบบเสียงธรรมชาติ เสียงดนตรี และเสียงนำสมาธิภาษาอังกฤษ เหมาะสำหรับคนที่ชอบความหลากหลายและบรรยากาศที่ผ่อนคลาย
  2. Meditation Relax Music Channel: ช่องนี้เน้นเพลงบรรเลงสำหรับการทำสมาธิและผ่อนคลายค่ะ มีทั้งเพลงบรรเลงเปียโน เพลงบรรเลงธรรมชาติ และเพลงที่ผสมผสานเสียงดนตรีหลากหลายแนว เหมาะสำหรับคนที่ชอบฟังเพลงและต้องการสร้างบรรยากาศที่สงบ
  3. Jason Stephenson – Sleep Meditation Music: ถ้าเพื่อนๆ มีปัญหานอนไม่หลับ ช่องนี้มีคลิปเสียงนำสมาธิสำหรับการนอนหลับโดยเฉพาะค่ะ เสียงของ Jason Stephenson จะช่วยให้เราผ่อนคลายและหลับสบายยิ่งขึ้น
  4. Great Meditation: ช่องนี้มีคลิปเสียงนำสมาธิหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบสั้นๆ 5 นาที และแบบยาวๆ เป็นชั่วโมง มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้เลือกค่ะ เนื้อหาครอบคลุมทั้งการทำสมาธิเพื่อผ่อนคลาย การนอนหลับ การสร้างแรงบันดาลใจ และอื่นๆ อีกมากมาย
  5. The Meditation Station: ช่องนี้มีคลิปเสียงนำสมาธิแบบ Guided Meditation หลากหลายรูปแบบค่ะ ทั้งแบบสั้นๆ และแบบยาว มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้เลือกค่ะ

Tips:

  • เลือกช่องที่ชอบ: ลองสำรวจดูหลายๆ ช่องนะคะ แล้วเลือกช่องที่เราชอบที่สุด ทั้งเสียงนำสมาธิและบรรยากาศของช่อง
  • สร้างเพลย์ลิสต์: เมื่อเจอคลิปที่ชอบแล้ว สามารถสร้างเพลย์ลิสต์เก็บไว้ฟังได้ค่ะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาวันหลัง
  • ใช้หูฟัง: การใช้หูฟังจะช่วยให้เราตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีขึ้นค่ะ

หวังว่าช่อง YouTube เหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ นะคะ การทำสมาธิไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราหาเวลาและวิธีที่เหมาะกับตัวเองค่ะ

สำหรับเราเอง ช่วงที่เริ่มฝึกสมาธิใหม่ๆ จะชอบเปิดเสียงธรรมชาติคลอไปด้วยค่ะ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและมีสมาธิมากขึ้น แต่พอทำไปสักพักก็เริ่มลองใช้แอปพลิเคชันบ้างค่ะ เพราะสะดวกดี มีเสียงนำสมาธิให้เลือกหลากหลาย แถมยังมีฟังก์ชันจับเวลาให้ด้วย ช่วยให้เรารู้ว่าวันนี้นั่งสมาธิไปนานแค่ไหนแล้ว

สุดท้ายนี้ ขอให้เพื่อนๆ สนุกกับการฝึกสมาธินะคะ และอย่าลืมว่าสมาธิไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เราเปิดใจและลองทำดูค่ะ

ข้อควรระวังเพื่อการฝึกสมาธิอย่างปลอดภัยและมีความสุข

แม้จะมีเทคนิคเสริมมากมาย แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอค่ะ อย่าคาดหวังว่าจะเห็นผลทันทีทันใดนะคะ สมาธิต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องค่ะ และที่สำคัญที่สุดคืออย่าฝืนตัวเองนะคะ ถ้ารู้สึกไม่สบายตัวหรือใจไม่สงบ ก็พักก่อนได้ค่ะ แล้วค่อยกลับมาฝึกใหม่เมื่อพร้อมนะคะ

ถึงแม้การนั่งสมาธิจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังเล็กๆ น้อยๆ ที่เราไม่ควรมองข้ามนะคะ เพื่อให้การฝึกสมาธิของเราเป็นไปอย่างราบรื่นและเกิดประโยชน์สูงสุดค่ะ

ข้อควรระวังเพือการฝึกสมาธิอย่างปลอดภัยและมีความสุข:

  1. อย่าฝืนตัวเอง: สิ่งสำคัญที่สุดในการทำสมาธิคือการผ่อนคลายค่ะ ถ้าเรารู้สึกไม่สบายตัว ไม่ว่าจะปวดเมื่อย หรือรู้สึกอึดอัด ก็ให้ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนอิริยาบถ หรือหยุดพักก่อนได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองจนเกินไปนะคะ
  2. อย่าคาดหวังสูงเกินไป: การทำสมาธิเป็นเรื่องของการฝึกฝนค่ะ ไม่ใช่ว่านั่งครั้งเดียวแล้วจะจิตใจสงบปิ๊ง! ทันทีนะคะ บางครั้งเราอาจจะรู้สึกว่าใจฟุ้งซ่านกว่าเดิม หรือไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรเลยก็ได้ค่ะ ไม่ต้องกังวลไปนะคะ ค่อยๆ ฝึกไปเรื่อยๆ แล้วเราจะค่อยๆ เห็นผลลัพธ์เองค่ะ
  3. อย่าตัดสินตัวเอง: ระหว่างที่นั่งสมาธิ เราอาจจะเผลอคิดฟุ้งซ่าน หรือรู้สึกง่วงบ้าง เป็นเรื่องปกติมากๆ ค่ะ อย่าไปตัดสินหรือตำหนิตัวเองนะคะ แค่ยอมรับความรู้สึกนั้น แล้วค่อยๆ กลับมาโฟกัสที่ลมหายใจหรือจุดสนใจของเราอีกครั้งค่ะ
  4. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ถ้าเพื่อนๆ มีปัญหาสุขภาพจิต เช่น โรควิตกกังวล หรือโรคซึมเศร้า ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มฝึกสมาธินะคะ เพราะในบางกรณี การทำสมาธิอาจจะไม่เหมาะสมค่ะ

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เราพยายามฝืนนั่งสมาธิ ทั้งๆ ที่รู้สึกปวดหลังมากๆ ผลคือแทนที่จะรู้สึกผ่อนคลาย กลับยิ่งเครียดและหงุดหงิดกว่าเดิมค่ะ หลังจากนั้นก็เลยเรียนรู้ว่าไม่ควรฝืนตัวเองจนเกินไปค่ะ ถ้ารู้สึกไม่ไหวก็พักก่อนดีกว่าค่ะ

การทำสมาธิเป็นการเดินทางที่ยาวนานค่ะ มีทั้งวันที่ดีและวันที่ไม่ดี เป็นเรื่องปกติมากๆ ค่ะ ขอแค่เราไม่ยอมแพ้ และทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอ ก็จะค่อยๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

ประสบการณ์ทำสมาธิของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่มีผิด และไม่แปลก

เมื่อเราฝึกสมาธิไปสักระยะหนึ่ง เราจะเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวเองค่ะ แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเหมือนกันในทุกคนนะคะ เพราะประสบการณ์สมาธิของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไปค่ะ

บางคนอาจจะรู้สึกสงบและผ่อนคลาย บางคนอาจจะรู้สึกตัวเบาและโปร่งโล่ง บางคนอาจจะเห็นภาพหรือได้ยินเสียงต่างๆ ในขณะที่บางคนอาจจะไม่รู้สึกอะไรเป็นพิเศษเลยก็ได้ค่ะ

ไม่ว่าเราจะมีประสบการณ์แบบไหนก็ตาม ขอให้รู้ไว้ว่ามันไม่ผิด ไม่แปลก และไม่ได้หมายความว่าเราทำสมาธิไม่เป็นนะคะ ประสบการณ์สมาธิเป็นเรื่องส่วนบุคคลค่ะ ขึ้นอยู่กับพื้นฐานจิตใจและการฝึกฝนของแต่ละคนค่ะ

ตัวอย่างประสบการณ์ที่อาจเกิดขึ้น:

  • ความสงบและผ่อนคลาย: นี่เป็นประสบการณ์ที่พบบ่อยที่สุดค่ะ หลายคนรู้สึกว่าหลังจากนั่งสมาธิแล้ว ใจสงบลง ความเครียดลดลง รู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
  • ความรู้สึกตัวเบา: บางคนรู้สึกว่าร่างกายเบาหวิว เหมือนลอยได้ หรือรู้สึกว่าตัวเองเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งรอบตัว
  • เห็นภาพหรือได้ยินเสียง: บางคนอาจจะเห็นแสงสีต่างๆ หรือภาพต่างๆ ในขณะที่หลับตา หรือได้ยินเสียงแว่วๆ ซึ่งอาจจะเป็นเสียงธรรมชาติ เสียงดนตรี หรือเสียงที่ไม่สามารถอธิบายได้
  • ความสุขและสันติ: หลายคนรู้สึกถึงความสุขที่เกิดขึ้นจากภายใน ความรู้สึกสันติและสงบสุขที่ไม่สามารถหาได้จากสิ่งภายนอก
  • ไม่มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ: บางคนอาจจะไม่รู้สึกอะไรเป็นพิเศษเลยในระหว่างการทำสมาธิ แต่อาจจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในชีวิตประจำวัน เช่น มีสมาธิมากขึ้น อารมณ์ดีขึ้น หรือมีความอดทนมากขึ้น

ส่วนตัวเราเอง ตอนที่เริ่มฝึกสมาธิใหม่ๆ ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษเลยค่ะ แต่พอทำไปสักพัก ก็เริ่มรู้สึกถึงความสงบและผ่อนคลายมากขึ้นค่ะ บางครั้งก็รู้สึกเหมือนร่างกายเบาหวิว และบางครั้งก็เห็นแสงสีต่างๆ ในขณะที่หลับตาค่ะ

ไม่ว่าเพื่อนๆ จะมีประสบการณ์สมาธิแบบไหน ขอให้จำไว้ว่าทุกประสบการณ์มีคุณค่าในตัวเองค่ะ สิ่งสำคัญคือการทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอ และเปิดใจรับประสบการณ์ที่เกิดขึ้นค่ะ

เมื่อเราได้สัมผัสถึงประโยชน์ของการทำสมาธิด้วยตัวเองแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงอยากจะทำให้สมาธิเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนค่ะ

ทำให้สมาธิเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต: เคล็ดลับง่ายๆ สู่ความสุขที่ยั่งยืน

การทำสมาธิไม่ใช่แค่กิจกรรมที่เราทำเป็นครั้งคราวนะคะ แต่เป็นการฝึกฝนจิตใจที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีและยั่งยืนค่ะ ลองมาดูเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยให้เราสามารถนำสมาธิเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันกันนะคะ

  1. กำหนดเวลา: เลือกเวลาที่เหมาะสมและสะดวกสำหรับเราค่ะ อาจจะเป็นช่วงเช้าหลังตื่นนอน ช่วงพักกลางวัน หรือช่วงเย็นก่อนนอนก็ได้ค่ะ สิ่งสำคัญคือการเลือกเวลาที่เราสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอค่ะ
  2. เริ่มต้นเล็กๆ: ไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธินานๆ ในครั้งแรกนะคะ เริ่มจาก 5-10 นาทีก่อนก็ได้ค่ะ แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลาขึ้นเมื่อเราเริ่มชินค่ะ
  3. สร้างบรรยากาศ: เลือกสถานที่ที่เงียบสงบและผ่อนคลาย อาจจะจุดเทียนหอม เปิดเพลงบรรเลงเบาๆ หรือใช้สเปรย์ปรับอากาศกลิ่นลาเวนเดอร์ก็ได้ค่ะ
  4. ใช้แอปพลิเคชันหรือคลิปเสียง: ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ลองใช้แอปพลิเคชันหรือคลิปเสียงนำสมาธิก็ได้ค่ะ มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบเลยค่ะ
  5. เข้าร่วมกลุ่มทำสมาธิ: การเข้าร่วมกลุ่มทำสมาธิจะช่วยให้เรามีกำลังใจและแรงบันดาลใจในการฝึกสมาธิมากขึ้นค่ะ
  6. ทำสมาธิในชีวิตประจำวัน: นอกจากการนั่งสมาธิแบบเป็นกิจลักษณะแล้ว เราสามารถฝึกสติและสมาธิได้ในทุกๆ กิจกรรมที่เราทำค่ะ เช่น การกิน การเดิน การทำงาน หรือแม้กระทั่งการล้างจานค่ะ เพียงแค่เราให้ความสนใจกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ตรงหน้าอย่างเต็มที่ ไม่คิดฟุ้งซ่านไปเรื่องอื่นๆ

เราเองก็เคยมีช่วงที่ขี้เกียจและไม่อยากทำสมาธิค่ะ แต่พอได้ลองทำอย่างสม่ำเสมอ ก็รู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นมากๆ เลยค่ะ ใจสงบขึ้น มีความสุขมากขึ้น และมีสมาธิในการทำงานมากขึ้นด้วยค่ะ

การทำให้สมาธิเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายในช่วงแรกๆ นะคะ แต่อย่าเพิ่งท้อค่ะ ค่อยๆ ฝึกไปทีละนิด แล้วเราจะค่อยๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

FAQs: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำสมาธิ

1. ฉันต้องนั่งสมาธินานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?

ไม่มีกฎตายตัวค่ะว่าต้องนั่งนานแค่ไหนถึงจะเห็นผล ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและความสม่ำเสมอในการฝึกค่ะ เริ่มต้นจาก 5-10 นาทีก็ได้ค่ะ แล้วค่อยๆ เพิ่มเวลาขึ้นเมื่อเราเริ่มชินค่ะ สิ่งสำคัญคือการทำสม่ำเสมอมากกว่าค่ะ

2. ทำไมใจฉันถึงฟุ้งซ่านมากตอนนั่งสมาธิ?

เป็นเรื่องปกติมากๆ ค่ะที่ใจจะฟุ้งซ่านตอนนั่งสมาธิ โดยเฉพาะมือใหม่ค่ะ ใจของเรามีความเคยชินที่จะคิดฟุ้งซ่านอยู่ตลอดเวลา การฝึกสมาธิคือการฝึกให้ใจสงบลง ซึ่งต้องอาศัยเวลาและความอดทนค่ะ

3. ฉันต้องไปนั่งสมาธิในวัดหรือเปล่า?

ไม่จำเป็นค่ะ เราสามารถนั่งสมาธิได้ทุกที่ ทุกเวลา ขอแค่เป็นสถานที่ที่เงียบสงบและปราศจากสิ่งรบกวนค่ะ

4. การทำสมาธิช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

มีประโยชน์มากมายค่ะ เช่น ช่วยลดความเครียด เพิ่มสมาธิ พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาคุณภาพชีวิต และช่วยให้เรามีความสุขมากขึ้นค่ะ

5. ฉันต้องใช้เทคนิคอะไรในการทำสมาธิ?

มีเทคนิคมากมายค่ะ เช่น การกำหนดลมหายใจ การนับลูกประคำ การใช้เสียงนำสมาธิ หรือการใช้แอปพลิเคชันช่วยฝึกสมาธิค่ะ ลองเลือกเทคนิคที่เหมาะกับตัวเองดูนะคะ

6. ฉันควรทำสมาธิบ่อยแค่ไหน?

ถ้าเป็นไปได้ ควรทำสมาธิทุกวันค่ะ แต่ถ้าไม่สะดวกจริงๆ ก็สามารถทำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้งก็ได้ค่ะ

7. ฉันทำสมาธิแล้วไม่เห็นผลเลย ทำยังไงดี?

อย่าเพิ่งท้อนะคะ การทำสมาธิต้องอาศัยเวลาและความสม่ำเสมอค่ะ ลองปรับเปลี่ยนเทคนิคดู หรือลองปรึกษาครูสอนสมาธิก็ได้ค่ะ

8. มีแอปพลิเคชันอะไรบ้างที่ช่วยฝึกสมาธิ?

มีแอปพลิเคชันมากมายที่ช่วยฝึกสมาธิค่ะ เช่น Calm, Headspace, Insight Timer, Waking Up, และ Medito ค่ะ

9. ฉันสามารถเรียนรู้การทำสมาธิได้จากที่ไหนบ้าง?

นอกจากแอปพลิเคชันแล้ว เรายังสามารถเรียนรู้ได้จากหนังสือ คลิปวิดีโอใน YouTube หรือเข้าร่วมคอร์สสอนสมาธิก็ได้ค่ะ

บทส่งท้าย สู่ความสงบและความสุขที่ยั่งยืน

เพื่อนๆ คะ การเดินทางสู่ความสงบภายในไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เพียงแค่เราเริ่มต้นก้าวแรกด้วยการลองฝึกสมาธิแบบง่ายๆ ที่ได้แนะนำไปในบทความนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสถานที่และเวลาที่เหมาะสม การฝึกกำหนดลมหายใจ หรือการใช้เทคนิคเสริมต่างๆ ก็สามารถช่วยให้เราเข้าถึงสภาวะสงบภายในได้ค่ะ

การทำสมาธิไม่ใช่ยาวิเศษที่จะแก้ปัญหาทุกอย่างในชีวิตได้ในทันที แต่เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เราเติบโตและพัฒนาตัวเองอย่างยั่งยืนค่ะ เมื่อใจเราสงบ เราก็จะสามารถมองเห็นปัญหาต่างๆ ได้อย่างชัดเจนและมีสติในการแก้ไขปัญหาได้ดียิ่งขึ้น

อย่าลืมนะคะว่าการทำสมาธิเป็นเรื่องของการฝึกฝนค่ะ ไม่ต้องกดดันตัวเองว่าต้องทำได้ดีตั้งแต่ครั้งแรก แค่เริ่มต้นและทำให้สม่ำเสมอ เพียงเท่านี้เราก็จะเริ่มสัมผัสได้ถึงประโยชน์ของสมาธิ และค่อยๆ พัฒนาจิตใจของเราให้แข็งแกร่งขึ้นได้ค่ะ

หากว่ามีเพื่อนๆ คนไหนสนใจเรื่องการพัฒนาตนเอง เราขอแนะนำ13 ขั้นตอนการพัฒนาตนเอง ก้าวสู่ชีวิตที่ดีกว่าด้วยศักยภาพที่ซ่อนอยู่ให้เพื่อนๆ ได้ลองไปอ่านกันค่ะ สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ ทุกคนนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีค่ะ

https://www.pinterest.com/pin/1099582065778370234/
Share your love
OutputBetterResults
OutputBetterResults

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *