เราไม่สามารถแบ่งเวลา 24 ชั่วโมง ให้เป็น 25 ได้…แต่เราสามารถจัดการให้มีประสิทธิภาพได้!
เคยรู้สึกไหมคะว่าเวลาในแต่ละวันไม่เคยพอ? อยากทำอะไรหลายอย่างแต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี? อยากมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้นแต่ก็กลัวงานไม่เสร็จ? ถ้าคำตอบคือ “ใช่” คุณมาถูกที่แล้วค่ะ!
บทความนี้จะพาคุณไปค้นพบ 7 ขั้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณจัดการเวลา 24 ชั่วโมงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เปลี่ยนวันธรรมดาให้เป็นวันที่ “ใช่” สำหรับคุณ ไม่ว่าจะเป็นวัยเรียน วัยทำงาน หรือคนที่มีภาระมากมายแค่ไหน ก็สามารถนำไปปรับใช้ได้แน่นอนค่ะ
7 ขั้นตอนแบ่งเวลา 24 ชั่วโมงแบบ Step-by-Step
เคยรู้สึกมั้ยคะว่าเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันมันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน? ทำงานก็เหนื่อย เรียนก็หนัก ยังมีเรื่องจุกจิกอีกเพียบ แล้วไหนจะเวลาดูแลตัวเอง เวลาพักผ่อน เวลาสำหรับสิ่งที่ชอบอีก โอ๊ย แค่คิดก็ปวดหัวแล้วใช่ไหมคะ?
เชื่อเถอะค่ะ คุณไม่ได้เป็นอยู่คนเดียว! เราเองก็เคยผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาเหมือนกัน แต่หลังจากค้นพบเคล็ดลับในการแบ่งเวลา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปราวกับเสกได้! วันนี้เลยอยากจะมาแชร์ 7 ขั้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณจัดการเวลา 24 ชั่วโมงได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขมากขึ้นค่ะ
1. ตั้งเป้าหมาย: วันนี้/สัปดาห์นี้ อยากทำอะไรให้สำเร็จบ้าง?
เริ่มต้นด้วยการตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนค่ะ อยากทำอะไรให้สำเร็จบ้างในวันนี้? ในสัปดาห์นี้? ในเดือนนี้? ลองเขียนออกมาเป็นข้อๆ เลยค่ะ อาจจะเป็นเป้าหมายเล็กๆ อย่าง “อ่านหนังสือให้จบ 1 บท” หรือเป้าหมายใหญ่ๆ อย่าง “สอบใบขับขี่ให้ผ่าน” ก็ได้ค่ะ
Tip: ตั้งเป้าหมายทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้เห็นภาพรวมและมีแรงบันดาลใจในการทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จค่ะ
(สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่ไม่รู้ว่าจะตั้งเป้าหมายในชีวิตตัวเองอย่างไรดี เรามีบทความวิธีตั้งเป้าหมายในชีวิตสำหรับมือใหม่ให้อ่านได้ที่นี่)
2. วางแผนล่วงหน้า: ใช้ Planner หรือ App จด To-do list และ Block เวลา
พอมีเป้าหมายแล้ว ก็ถึงเวลาวางแผนค่ะ! หยิบ Planner หรือเปิดแอปจดบันทึกขึ้นมา แล้วเขียน To-do list สำหรับวันนี้/สัปดาห์นี้กันเลยค่ะ จากนั้นก็ Block เวลาสำหรับแต่ละกิจกรรมลงไปในตารางเลยค่ะ เช่น 9.00-12.00 ทำงาน, 12.00-13.00 พักทานข้าว, 13.00-17.00 ทำงานต่อ เป็นต้น
Tip: เลือกใช้ Planner หรือแอปที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณนะคะ จะเป็นแบบกระดาษหรือดิจิทัลก็ได้ค่ะ ขอแค่ให้ใช้งานง่ายและสะดวกก็พอค่ะ
3. แบ่งเวลาตามกิจกรรมหลัก: งาน/เรียน, กิน/นอน/พักผ่อน, กิจกรรมที่ชอบ/พัฒนาตัวเอง
เวลา 24 ชั่วโมงของเรา จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ ดังนี้ค่ะ
- งาน/เรียน: เป็นส่วนที่เราต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เพราะเป็นสิ่งที่สร้างรายได้หรือพัฒนาความรู้ให้กับเราค่ะ
- กิน/นอน/พักผ่อน: เป็นส่วนที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงจะช่วยให้เราทำงานหรือเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
- กิจกรรมที่ชอบ/พัฒนาตัวเอง: เป็นส่วนที่เติมเต็มความสุขและความหมายให้กับชีวิตของเราค่ะ อย่าลืมหาเวลาทำสิ่งที่ชอบบ้างนะคะ จะได้ไม่เครียดเกินไปค่ะ
Tip: พยายามจัดสรรเวลาให้สมดุลกันทั้ง 3 ส่วนนะคะ อย่าให้งานหรือเรียนมาเบียดบังเวลาดูแลตัวเองและทำสิ่งที่ชอบมากเกินไปค่ะ
4. จัดลำดับความสำคัญของงานด้วย Eisenhower Matrix
เคยมั้ยคะ ที่รู้สึกว่ามีงานเต็มไปหมด จนไม่รู้จะเริ่มทำอะไรก่อนดี? Eisenhower Matrix จะช่วยคุณได้ค่ะ! ลองแบ่งงานออกเป็น 4 ช่องตามความสำคัญและความเร่งด่วนดูนะคะ
- สำคัญและเร่งด่วน: ทำทันที!
- สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน: วางแผนทำ
- ไม่สำคัญแต่เร่งด่วน: มอบหมายให้คนอื่นทำ
- ไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน: ลบทิ้งไปเลย!
และนี่คือตารางของ Eisenhower Matrix ค่ะ
เร่งด่วน | ไม่เร่งด่วน | |
---|---|---|
สำคัญ | 1 | 2 |
ไม่สำคัญ | 3 | 4 |
ช่องที่ 1: งานสำคัญและเร่งด่วน – ทำทันที
ช่องที่ 2: งานสำคัญแต่ไม่เร่งด่วน – วางแผนทำ
ช่องที่ 3: งานไม่สำคัญแต่เร่งด่วน – มอบหมายให้คนอื่นทำ
ช่องที่ 4: งานไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน – ลบทิ้งไปเลย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เราจะสร้าง Eisenhower Matrix พร้อมตัวอย่างงานในแต่ละช่อง โดยใช้ตารางมาร์คดาวน์ค่ะ
เร่งด่วน | ไม่เร่งด่วน | |
---|---|---|
สำคัญ | 1. ส่งรายงานการประชุมให้เจ้านายภายในวันนี้ 2. เตรียมตัวสำหรับการนำเสนอผลงานพรุ่งนี้เช้า | 1. วางแผนการตลาดสำหรับไตรมาสหน้า 2. เรียนภาษาอังกฤษเพื่อเพิ่มพูนทักษะ |
ไม่สำคัญ | 1. ตอบอีเมลแจ้งโปรโมชั่น 2. จัดโต๊ะทำงาน | 1. ดูซีรีส์เรื่องโปรด 2. เล่นโซเชียลมีเดีย |
Tip: อย่าลืมทบทวน Eisenhower Matrix ของคุณเป็นประจำนะคะ เพราะความสำคัญและความเร่งด่วนของงานอาจเปลี่ยนแปลงได้เสมอค่ะ
5. เครื่องมือช่วยแบ่งเวลา: แนะนำแอปPlanner/เทคนิคต่างๆ
ในยุคดิจิทัลแบบนี้ มีแอปและเครื่องมือมากมายที่จะช่วยให้การแบ่งเวลาเป็นเรื่องง่ายขึ้นค่ะ ลองหาแอปที่ถูกใจมาใช้ดูนะคะ จะเป็นแอป To-do list ปฏิทิน หรือ Time tracker ก็ได้ค่ะ ส่วนตัวเราชอบใช้ Google Calendar เพราะใช้งานง่ายและเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้สะดวกค่ะ
นอกจากนี้ยังมีเทคนิค Pomodoro ที่ช่วยให้โฟกัสกับงานได้มากขึ้นด้วยค่ะ ลองตั้งเวลา 25 นาที แล้วทำงานอย่างเต็มที่ จากนั้นพัก 5 นาที ทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อยๆ รับรองว่างานเสร็จเร็วขึ้นแน่นอนค่ะ
และนอกจากเทคนิค Pomodoro แล้ว ยังมีเทคนิคการแบ่งเวลาอื่นๆ ที่น่าสนใจและสามารถปรับใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ดังนี้ค่ะ
- Timeboxing: กำหนดเวลาที่แน่นอนสำหรับแต่ละงาน โดยแบ่งงานออกเป็นช่วงๆ และกำหนดเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดที่ชัดเจน วิธีนี้จะช่วยให้คุณโฟกัสกับงานตรงหน้าและหลีกเลี่ยงการทำงานที่ยืดเยื้อเกินไป
- Eat the Frog: เริ่มต้นวันด้วยการทำงานที่ยากหรือสำคัญที่สุดก่อน (เหมือนกับการกินกบ!) เมื่อจัดการงานที่ท้าทายที่สุดได้แล้ว คุณจะรู้สึกมีพลังและมีแรงจูงใจในการทำงานอื่นๆ ตลอดทั้งวัน
- Get Things Done (GTD): ระบบการจัดการงานที่เน้นการจดบันทึกทุกอย่างที่ต้องทำลงในรายการเดียว จากนั้นจัดลำดับความสำคัญและดำเนินการตามลำดับ วิธีนี้จะช่วยลดความเครียดและความกังวลจากการลืมงานที่ต้องทำ
- Zen to Done (ZTD): ระบบที่เน้นการสร้างนิสัยการทำงานที่ดี โดยมี 10 ขั้นตอนง่ายๆ เช่น เก็บทุกอย่างไว้ในที่เดียว ทำงานทีละอย่างเดียว และทบทวนระบบเป็นประจำ
- Time Blocking: คล้ายกับ Timeboxing แต่จะแบ่งเวลาเป็นช่วงๆ ตามประเภทของงาน เช่น ช่วงเช้าสำหรับงานที่ต้องใช้สมาธิ ช่วงบ่ายสำหรับการประชุม หรือช่วงเย็นสำหรับตอบอีเมล
- The Most Important Task (MIT): เลือกงานที่สำคัญที่สุด 3 งานในแต่ละวัน และพยายามทำให้เสร็จก่อนที่จะเริ่มงานอื่นๆ
- Biological Prime Time: ทำงานที่สำคัญที่สุดในช่วงเวลาที่คุณมีพลังงานและสมาธิมากที่สุด ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
- The Two-Minute Rule: ถ้ามีงานที่ใช้เวลาทำไม่เกิน 2 นาที ให้ทำทันที อย่าเก็บไว้ทำทีหลัง
Tip: ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ดูนะคะ คุณอาจจะต้องลองผิดลองถูกสักหน่อยเพื่อค้นหาเทคนิคที่เหมาะกับตัวเองที่สุด แต่เมื่อเจอแล้ว รับรองว่าการแบ่งเวลาจะกลายเป็นเรื่องง่ายและสนุกขึ้นเยอะเลยค่ะ
6. ปรับเปลี่ยนและทดลอง หาสิ่งที่เหมาะกับตัวเองที่สุด
ตารางเวลาไม่ใช่สิ่งที่ตายตัวนะคะ คุณสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมเลยค่ะ บางวันอาจมีงานด่วนเข้ามา หรือบางวันอาจรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นพิเศษ ก็สามารถปรับตารางได้ค่ะ
Tip: หมั่นสังเกตตัวเองว่าช่วงเวลาไหนที่เรา Productive ที่สุด และช่วงเวลาไหนที่เราควรพักผ่อนค่ะ ลองปรับตารางเวลาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอสิ่งที่ลงตัวกับชีวิตของเราค่ะ
7. อย่าลืมให้รางวัลตัวเอง เมื่อทำตามแผนได้ดี
เมื่อทำตามแผนที่วางไว้ได้ดี ก็อย่าลืมให้รางวัลตัวเองบ้างนะคะ อาจจะเป็นการกินขนมอร่อยๆ ดูหนังเรื่องโปรด หรือจะไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกับคนที่รักในวันหยุดก็ได้ค่ะ การให้รางวัลตัวเองจะช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้เรามีวินัยในการแบ่งเวลามากขึ้นค่ะ
Tip: ไม่จำเป็นต้องให้รางวัลใหญ่โตเสมอไปนะคะ แค่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เรามีความสุขก็พอแล้วค่ะ
การแบ่งเวลาเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอค่ะ ในช่วงแรกอาจจะยังไม่คุ้นเคย แต่ถ้าทำไปเรื่อยๆ รับรองว่าคุณจะเก่งขึ้นแน่นอนค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ สู้ๆค่ะ!
ตัวอย่างตารางแบ่งเวลา 24 ชั่วโมง (แบบยืดหยุ่น)
ตารางนี้เป็นเพียงตัวอย่างนะคะ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมกับกิจวัตรประจำวันและไลฟ์สไตล์ของเพื่อนๆเองเลยค่ะ
เวลา | กิจกรรม | หมายเหตุ |
---|---|---|
7:00 – 8:00 | ตื่นนอน, ออกกำลังกาย, อาบน้ำแต่งตัว | เริ่มต้นวันด้วยความสดชื่น |
8:00 – 9:00 | ทานอาหารเช้า, เตรียมตัวไปทำงาน/เรียน | เติมพลังก่อนเริ่มงาน |
9:00 – 12:00 | ทำงาน/เรียน | โฟกัสกับงานที่สำคัญที่สุด |
12:00 – 13:00 | พักทานข้าวกลางวัน, พักผ่อน | ผ่อนคลายเติมพลัง |
13:00 – 17:00 | ทำงาน/เรียน | ทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จ |
17:00 – 18:00 | เดินทางกลับบ้าน, พักผ่อน | พักผ่อนหลังเลิกงาน |
18:00 – 19:00 | ทานอาหารเย็น | ใช้เวลากับครอบครัวหรือเพื่อน |
19:00 – 21:00 | ทำกิจกรรมที่ชอบ, พัฒนาตัวเอง | อ่านหนังสือ, เรียนออนไลน์, ทำงานอดิเรก |
21:00 – 22:00 | เตรียมตัวเข้านอน | ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ |
22:00 – 7:00 | นอนหลับพักผ่อน | หลับให้เพียงพอ |
ข้อแนะนำ:
- ความยืดหยุ่น: ตารางนี้เป็นเพียงแนวทาง เพื่อนๆสามารถปรับเปลี่ยนเวลาและกิจกรรมได้ตามความเหมาะสมเลยนะคะ
- การพักผ่อน: อย่าลืมให้เวลากับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ เพื่อให้ร่างกายและจิตใจพร้อมสำหรับวันใหม่ด้วยนะคะ
- กิจกรรมที่ชอบ: หาเวลาสำหรับกิจกรรมที่เพื่อนๆชอบ เพื่อเติมเต็มความสุขและความหมายให้กับชีวิต
- การติดตาม: หมั่นติดตามและประเมินผลว่าตารางที่วางเอาไว้นั้นมีประสิทธิภาพหรือไม่และปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นอยู่เสมอค่ะ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการแบ่งเวลา
Q: ถ้าเราทำตามตารางเวลาที่วางไว้ไม่ได้ล่ะ?
A: ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยค่ะ ทุกคนมีวันที่ไม่เป็นไปตามแผนบ้างเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ สิ่งสำคัญคืออย่าเพิ่งท้อแท้ ลองวิเคราะห์ดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงทำตามแผนไม่ได้ แล้วปรับแผนใหม่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ค่ะ
Q: ควรแบ่งเวลานอนเท่าไหร่ดี?
A: โดยทั่วไปแล้ว ผู้ใหญ่ควรนอนหลับพักผ่อนให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวันนะคะ แต่ปริมาณการนอนที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลค่ะ ลองสังเกตตัวเองดูว่านอนเท่าไหร่ถึงจะรู้สึกสดชื่นและมีพลังพร้อมรับวันใหม่ค่ะ
Q: ถ้าไม่มีเวลาทำกิจกรรมที่ชอบเลย ทำยังไงดี?
A: ลองสำรวจตารางเวลาดูอีกครั้งนะคะ อาจจะมีช่วงเวลาเล็กๆ น้อยๆ ที่เราสามารถใส่กิจกรรมที่ชอบลงไปได้ เช่น ฟังเพลงโปรดระหว่างเดินทางไปทำงาน อ่านหนังสือสัก 15 นาทีก่อนนอน หรือออกกำลังกายเบาๆ ในช่วงพักกลางวันค่ะ
Q: ควรใช้แอปอะไรในการแบ่งเวลาดี?
A: มีแอปมากมายให้เลือกใช้เลยค่ะ ขึ้นอยู่กับความชอบและความถนัดของแต่ละคนเลยค่ะ บางแอปที่ได้รับความนิยมก็เช่น Google Calendar, Trello, Todoist, Forest เป็นต้น ลองดาวน์โหลดมาทดลองใช้ดูนะคะ
Q: มีเคล็ดลับอะไรในการแบ่งเวลาสำหรับคนที่มีลูกเล็กบ้างมั้ย?
A: การแบ่งเวลาสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็กอาจเป็นเรื่องท้าทาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะคะ ลองหากิจกรรมที่ทำร่วมกับลูกได้ เช่น เล่นเกม พาไปเดินเล่น หรืออ่านนิทานให้ฟังค่ะ นอกจากจะได้ใช้เวลาร่วมกันแล้ว ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวด้วยค่ะ
สรุปส่งท้าย
การแบ่งเวลา 24 ชั่วโมงให้มีประสิทธิภาพ อาจไม่ใช่เรื่องง่ายในช่วงแรก แต่เชื่อเถอะค่ะว่า เมื่อคุณทำความเข้าใจหลักการและขั้นตอนต่างๆแล้วลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ คุณจะพบว่าชีวิตของคุณเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
เวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดที่เราทุกคนมีร่วมกัน ลองนำเคล็ดลับที่เราแบ่งปันในวันนี้ไปปรับใช้ดูนะคะ แล้วคุณจะพบว่า 24 ชั่วโมงในหนึ่งวัน เพียงพอที่จะทำทุกสิ่งที่คุณต้องการได้อย่างแน่นอน
สุดท้ายนี้อยากฝากเพื่อนๆไว้ว่า การแบ่งเวลาที่ดี ไม่ใช่แค่การทำสิ่งต่างๆ ให้เสร็จทันเวลาเท่านั้น แต่คือการสร้างสมดุลให้กับชีวิต เพื่อให้เรามีความสุข สุขภาพแข็งแรง และประสบความสำเร็จในทุกด้านของชีวิตค่ะ
“เวลาไม่เคยคอยใคร” ดังนั้นอย่ารอช้าที่จะเริ่มต้นจัดการเวลาของคุณตั้งแต่วันนี้ เพื่อสร้างชีวิตที่ “ใช่” ในแบบที่คุณต้องการค่ะ
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า สวัสดีค่ะ