ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทักษะใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ การเรียนรู้แบบเดิมๆ อาจไม่เพียงพออีกต่อไป การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ บทความนี้ขอแนะนำ 8 สุดยอดแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ที่จะช่วยคุณพัฒนาตัวเองไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิชาการ ร่างกาย จิตใจ หรือแม้แต่ช่วยคุณสร้างคอร์สและขายมันได้ด้วย พร้อมทั้งเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย และราคา ช่วยให้คุณเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณมากที่สุด พัฒนาตนเองให้ก้าวล้ำ พร้อมรับมือกับทุกโอกาสและความท้าทายในอนาคต
แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ไหนที่ดีที่สุด?
1. ดีที่สุดโดยภาพรวม: Udemy ตัวเลือกหลากหลาย ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้เรียนทั่วไป
2. ดีที่สุดในด้านการลงมือปฏิบัติ: Skillshare เน้นการเรียนแบบลงมือทำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะความคิดสร้างสรรค์
3.ดีที่สุดสำหรับคอร์สจากมหาลัยชั้นนำ: Coursera คอร์สจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใบCertificate
4. ดีที่สุดสำหรับคอร์สฟรี: edX มีคอร์สฟรีจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลองเรียนก่อนตัดสินใจ
5.ดีที่สุดสำหรับการพัฒนาตัวเองแบบองค์รวม: Mindvalley เน้นการพัฒนาตนเองแบบองค์รวม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเอง
6. ดีที่สุดในการสร้างแรงบันดาลใจ: MasterClass เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้จากผู้เป็นที่สุดของแขนงต่างๆ
7.ดีที่สุดสำหรับการเรียนภาษา: Rocket Languages ช่วยให้คุณเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสนทนาภาษาต่างประเทศได้อย่างคล่องแคล่ว
8. ดีที่สุดสำหรับการสร้างและขายคอร์สออนไลน์: Thinkific แพลตฟอร์มในการสร้างและขายคอร์สออนไลน์ เหมาะสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆที่ต้องการสร้างรายได้จากความรู้ที่ตนเองมี
1. Udemy
Udemy คือแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้คนสามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา ปัจจุบัน Udemy มีคอร์สเรียนกว่า 210,000 คอร์ส ครอบคลุมกว่า 130 หัวข้อ และรองรับ 75 ภาษา
จุดเด่นของ Udemy:
- ความหลากหลาย: มีคอร์สให้เลือกเรียนอย่างหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ครอบคลุมทั้งทักษะทางเทคนิค ทักษะทางธุรกิจ ภาษา การพัฒนาตนเอง และอื่นๆอีกมากมาย
- ราคาย่อมเยา: มีทั้งคอร์สเรียนฟรี คอร์สเรียนราคาประหยัดและคอร์สเรียนที่มีราคาสูง ผู้เรียนสามารถเลือกคอร์สเรียนที่เหมาะกับงบประมาณตัวเองได้
- มีโปรโมชั่นบ่อย: มีโปรโมชั่นบ่อยมาก ผู้เรียนสามารถซื้อคอร์สเรียนได้ในราคาพิเศษ
- ใบรับรอง (Certificate): มีใบรับรองเมื่อผู้เรียนเรียนจบหลักสูตรที่เสียเงินนั้นๆ
- เข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา: สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา ผู้เรียนสามารถเรียนบนคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือบนมือถือก็ได้
- ตัวเลือกการเรียนรู้ที่หลากหลาย: มีตัวเลือกการเรียนรู้ที่หลากหลาย ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนแบบวิดีโอ บทความ หรือ ebook และอื่นๆ
- มีคอร์สเรียนภาษาไทย: มีคอร์สเรียนที่เป็นภาษาไทยอยู่ด้วย เหมาะสำหรับผู้เรียนที่ไม่ค่อยถนัดในภาษาอังกฤษ
ราคาของ Udemy:
- ราคาโดยทั่วไป: $10-$200 USD (ประมาณ 350-7,000 บาท)
- ตัวเลือกการซื้อ:
- ซื้อคอร์สแบบเดี่ยว: ซื้อคอร์สเรียน Udemy แบบเดี่ยว โดยไม่ต้องสมัครสมาชิก และสามารถเข้าถึงได้ตลอดชีวิต $10-$200 USD (ประมาณ 350-7,000 บาท)
แบบสมัครสมาชิก:
- Personal Plan ราคา: $29.99 USD/เดือน (ประมาณ 1,040 บาท/เดือน)
ทดลองใช้งานฟรี 7 วัน
ข้อดีของ Udemy:
- มีคอร์สเรียนที่ให้เรียนแบบฟรี ๆ
- มีคอร์สให้เลือกเรียนเยอะมาก 210,000+ คอร์ส
- ครอบคลุมหลากหลายหัวข้อ เช่น การตลาด การพัฒนาตัวเองการเรียนภาษาโปรแกรม การออกแบบ ธุรกิจ และอื่น ๆ
- ราคาไม่แพง
- มีโปรโมชั่นบ่อยมาก
- เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา
- มีแอปมือถือ
- มีใบรับรองหลังเรียนจบคอร์สนั้น ๆ
- รองรับภาษาไทย
ข้อเสียของ Udemy:
- คุณภาพของคอร์สแต่ละคอร์สไม่สม่ำเสมอ ควรดูรีวิวก่อนตัดสินใจซื้อ
- บางคอร์สมีเนื้อหาที่ล้าสมัย ไม่ได้รับการอัปเดต
- ใบCerหรือใบรับรองที่ได้หลังจากจบคอร์สเรียนนั้นๆอาจไม่ได้เป็นที่ยอมรับกันในวงกว้าง
Udemy เหมาะกับใคร?:
Udemy เป็นแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ที่เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ทุกระดับการศึกษา ทุกอาชีพ ที่ต้องการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพื่อพัฒนาตนเองหรือต่อยอดธุรกิจ โดยไม่ต้องเสียเงินเรียนในราคาแพง มีหลักสูตรให้เลือกเรียนหลากหลาย และรูปแบบการเรียนที่ยืดหยุ่น
หมายเหตุ:
- ราคาดังกล่าวเป็นราคาโดยประมาณ อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามโปรโมชั่น และค่าเงิน
- ผู้เรียนควรเลือกคอร์สอย่างรอบคอบ พิจารณารีวิวจากผู้เรียนก่อนตัดสินใจซื้อ
2. Skillshare
Skillshare คือชุมชนการเรียนรู้ออนไลน์ที่เน้นในเรื่องของทักษะความคิดสร้างสรรค์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้คนสามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการออกแบบ กราฟิก การวาดภาพ การถ่ายภาพ การเขียน และอื่นๆ ปัจจุบัน Skillshare มีคอร์สมากกว่า 25,000 กว่าคอร์ส สอนโดยผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก
จุดเด่นของ Skillshare:
- เน้นคอร์สเรียนด้านความคิดสร้างสรรค์: มีคอร์สเรียนด้านความคิดสร้างสรรค์มากกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ เหมาะสำหรับนักออกแบบ นักเขียน ศิลปิน และนักธุรกิจ
- ไม่ใช่แค่เพื่อเรียนแต่ยังเป็นชุมชนด้วย: มีชุมชนออนไลน์ที่ผู้เรียนสามารถแบ่งปันผลงาน แลกเปลี่ยนความรู้ และช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้
- Active Learning: เน้นการเรียนรู้แบบเชิงรุก คอร์สเรียนมากมายที่ถูกออกแบบมาเพื่อการลงมือทำ
- มีคอนเทนต์ใหม่ๆ อยู่เสมอ: มีการเพิ่มคอร์สเรียนใหม่ๆ อยู่เสมอๆ ผู้เรียนจึงมีตัวเลือกคอร์สเรียนที่หลากหลาย
- เข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา: สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา ผู้เรียนสามารถเรียนบนคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือบนมือถือก็ได้
ราคาของ Skillshare:
- ระบบสมาชิก: $32/เดือน (ประมาณ 1,120 บาท)
- ตัวเลือกการสมัคร:
- รายเดือน ($32/เดือน ประมาณ 1,120 บาท) หรือ ($14/เดือน ประมาณ 490 บาท) ในกรณีที่จ่ายเป็นรายปี
- รายปี ($168/ปี ประมาณ 5,880 บาท)
ทดลองใช้งานฟรี 1 เดือน
ข้อดีของ Skillshare:
- เน้นทักษะความคิดสร้างสรรค์
- มีชุมชนการเรียนที่คึกคัก
- รูปแบบการเรียนที่หลากหลาย
- ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่นๆ
- มีแอปมือถือ ผู้เรียนสามารถเรียนบนคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟนก็ได้
ข้อเสียของ Skillshare:
- คุณภาพของคอร์สและผู้สอนไม่สม่ำเสมอ
- ไม่มีใบCertificateให้
Skillshare เหมาะกับใคร?:
Skillshare เป็นแพลตฟอร์มชุมชนออนไลน์ที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเรียนรู้หรือพัฒนาทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ ทั้งยังสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนคนอื่นๆ ได้ทั่วโลก เพื่อแชร์ผลงาน แลกเปลี่ยนความคิด และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มากกว่าจะมาเรียนเพื่อเก็บCertificate
หมายเหตุ:
- ราคาดังกล่าวเป็นราคาโดยประมาณ อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามโปรโมชั่น และค่าเงิน
- ผู้เรียนควรเลือกคอร์สอย่างรอบคอบ พิจารณารีวิวจากผู้เรียนก่อนตัดสินใจซื้อ
3. Coursera
Coursera คือแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 โดย Andrew Ng และ Daphne Koller เป็นแพลตฟอร์มแบบ Massive Open Online Course (MOOC) มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้คนสามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก
จุดเด่นของ Coursera:
- คอร์สเรียนจากมหาวิทยาลัยและบริษัทชั้นนำระดับโลก: Coursera ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก เช่น Stanford University, Yale University, University of Pennsylvania ทั้งยังมีบริษัทซึ่งเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี อย่าง Google, IBM, Microsoft และ Meta ในการจัดทำคอร์สเรียนออนไลน์
- เนื้อหาคุณภาพสูง: คอร์สเรียนบน Coursera ได้รับการออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้น ๆ เนื้อหาจึงมีความน่าเชื่อถือและทันสมัย
- ตัวเลือกคอร์สเรียนที่หลากหลาย: Coursera มีคอร์สเรียนมากกว่า 12,000 คอร์ส ครอบคลุมหลากหลายสาขาวิชา
- รูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย: Coursera นำเสนอรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น วิดีโอการสอน บทความ ควิซ และแบบทดสอบ
- Certificate: มีใบรับรองคุณภาพซึ่งเป็นที่ยอมรับ
ราคาของ Coursera:
- แบบเรียนฟรี: สามารถเข้าถึงคอร์สเรียนได้แบบฟรีๆ แต่ไม่ได้รับใบCer
- สมัครสมาชิก:
- สมัครเรียนคอร์สเดี่ยว ($49-$79/เดือน ประมาณ 1,715-2,765 บาท)
- สมัครสมาชิก Coursera Plus ($59/เดือน ประมาณ 2,100 บาท) หรือ ($399/ปี ประมาณ 14,000 บาท)
ทดลองใช้งานฟรี 7 วัน
ข้อดีของ Coursera:
- ได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นๆ
- เนื้อหามีคุณภาพสูง
- มีตัวเลือกคอร์สเรียนให้เลือกเยอะ
- มีใบCertificateให้และที่เป็นที่ยอมรับ
- รองรับหลายภาษา รวมไปถึงภาษาไทย
ข้อเสียของ Coursera:
- มีราคาสูง
- หากยกเลิกการสมัครจะไม่สามารถเข้าถึงคอร์สที่เคยเรียนไว้ได้
Coursera เหมาะกับใคร?:
Coursera เป็นแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ที่เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ทุกระดับการศึกษา ทุกอาชีพที่ต้องการเรียนออนไลน์ที่นำเสนอการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยจากสถาบันชั้นนำ ทั้งยังได้รับใบCertificateที่มีคุณค่า ช่วยเพิ่มโอกาสในการหน้าที่การงาน
หมายเหตุ:
- ราคาดังกล่าวเป็นราคาโดยประมาณ อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามโปรโมชั่น และค่าเงิน
- ผู้เรียนควรเลือกคอร์สอย่างรอบคอบ พิจารณารีวิวจากผู้เรียนก่อนตัดสินใจซื้อ
4. edX
edX เป็นแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 โดย MIT และ Harvard University โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างการศึกษาที่ดีที่สุดในโลกที่ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าถึงได้จากมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก
จุดเด่นของ edX:
- เข้าถึงการเรียนรู้ได้อย่างฟรีๆ: edX มีคอร์สเรียนฟรีมากมายที่ให้คุณสามารถเข้าไปเรียนได้โดยไม่ต้องเสียค่าแรกเข้าเลย และถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ใบCertificateแต่อย่างใดในการเรียนคอร์สฟรี แต่สิ่งที่คุณจะได้คือความรู้และทักษะที่มีคุณค่าจากมหาวิทยาลัยระดับโลก
- ร่วมกับสถาบันที่มีชื่อเสียง: เช่นเดียวกันกับCoursera edXร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง MIT และ Harvard ในการจัดทำคอร์สเรียน นี่จึงทำให้คอร์สเรียนมีความน่าเชื่อถือและมีมาตรฐานการศึกษาในระดับสูง
- รูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย: edX นำเสนอหลักสูตรในรูปแบบ MOOCs (Massive Open Online Courses) ซึ่งเปิดกว้างสำหรับผู้เรียนทุกคน โดยไม่จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วม หลักสูตรเหล่านี้มีรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย เช่น วิดีโอ บทความ แบบฝึกหัด
- การเรียนรู้แบบเชิงลึก(ในตัวเลือกที่เสียเงิน): คอร์สแบบเสียเงินของedX นั้นให้ประสบการณ์ที่มากกว่าคอร์สเรียนฟรี ทั้งยังได้รับCertificateอีกด้วย
ราคาของ edX:
edX มีทั้งแบบเรียนฟรี และแบบเสียเงิน ซึ่งแบบเสียเงินนั้นมีตัวเลือกที่หลากหลายและราคาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับตัวเลือกของการลงทะเบียน และนี่คือราคาบางส่วนของedX
- แบบเรียนฟรี: ผู้เรียนสามารถเข้าถึงเนื้อหาของคอร์สได้ฟรี แต่ไม่ได้รับประกาศนียบัตร
- แบบเสียเงิน (ได้รับCertificate):
- Verified Track: $50 – $300 (ประมาณ 1,750 – 10,500 บาท)
ข้อดีของ edX:
- คอร์สเรียนฟรีจากมหาวิทยาลัยระดับโลก
- เป็นพาร์ทเนอร์กับสถาบันและองค์กรชั้นนำ
- ได้รับCertificateหลังเรียนจบคอร์ส
- มีโปรแกรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย
ข้อเสียของ edX:
- ราคาค่อนข้างสูง
- จำกัดฟีเจอร์ในส่วนของคอร์สเรียนฟรี เช่นการไม่ได้รับCertificate
- จำกัดการมีส่วนร่วมของผู้เรียนและผู้สอน
- มีหัวข้อที่จำกัด ซึ่งไม่ได้เน้นในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์
edX เหมาะกับใคร?:
edX เป็นแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนรู้เนื้อหาที่มีคุณภาพจากสถาบันชั้นนำ เพิ่มความรู้เพื่อความก้าวหน้าในสายอาชีพ ได้รับใบCerที่ได้รับการยอมรับจากหลายองค์กรเพื่อนำไปใส่ในพอร์ตโฟลิโอ สามารถเรียนได้อย่างอิสระ และยังถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่มองหาคอร์สเรียนแบบฟรีๆ ที่นำเสนอโดยสถาบันชื่อดังของโลก
หมายเหตุ:
- ราคาดังกล่าวเป็นราคาโดยประมาณ อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามโปรโมชั่น และค่าเงิน
- ผู้เรียนควรเลือกคอร์สอย่างรอบคอบ พิจารณารีวิวจากผู้เรียนก่อนตัดสินใจซื้อ
5. Mindvalley
Mindvalley นั้นมีความแตกต่างจากแพลตฟอร์มตัวอื่นๆ ที่ได้กล่าวมาข้างต้นซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ที่สอนเกี่ยวกับเรื่องของทักษะเชิงวิชาการเป็นส่วนใหญ่ แต่Mindvalley นั้นเป็นแพลตฟอร์มที่เน้นในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตนเองโดยเฉพาะ มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ผู้คนปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของตัวเอง ก่อตั้งขึ้นในปี 2002 โดย Vishen Lakhiani
จุดเด่นของ Mindvalley:
- เน้นการพัฒนาตนเองและการเปลี่ยนแปลงชีวิต: Mindvalley มุ่งเน้นหลักสูตรด้านการพัฒนาตนเอง บุคลิกภาพ ความคิด และจิตวิญญาณ มากกว่าทักษะด้านเทคโนโลยีหรือวิชาการ
- รูปแบบการสอนที่เฉพาะตัว: ใช้วิธีการสอนที่ผสมผสานความรู้ทางวิทยาศาสตร์ จิตวิทยา และแนวคิดเชิงจิตวิญญาณเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นการเข้าถึงการพัฒนาตัวเองที่แตกต่างออกไป
- เน้นการลงมือทำมากกว่าทฤษฎี: หลักสูตรของ Mindvalley มักจะเน้นการประยุกต์ใช้จริง ออกแบบด้วยกิจกรรมแบบปฏิบัติและความท้าทาย ให้ผู้เรียนได้ลงมือทำเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- บรรยากาศและชุมชนที่คึกคัก: Mindvalley สร้างชุมชนออนไลน์ที่สร้างแรงบันดาลใจและเชื่อมโยงผู้คนที่มีแนวคิดเดียวกัน ทำให้ผู้เรียนรู้สึกมีส่วนร่วมและได้รับการสนับสนุนตลอดการเรียน
- อาจารย์ผู้สอนคุณภาพ: Mindvalley คัดสรรผู้นำทางความคิด ผู้มีชื่อเสียงในด้านการพัฒนาตนเอง และผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์ต่างๆ เช่น Jim Kwik ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาความจำ
ราคาของ Mindvalley:
- รายเดือน: $99/เดือน (ประมาณ 3,500 บาท)
- รายปี: $499/ปี (ประมาณ 17,500 บาท)
ข้อดีของ Mindvalley:
- เน้นในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตนเองโดยเฉพาะ
- เนื้อหามีคุณภาพสูง
- มีชุมชนออนไลน์
- มีแอปมือถือ
ข้อเสียของ Mindvalley:
- ราคาค่อนข้างสูง
- เนื้อหาบางส่วนอาจไม่ใช่สำหรับทุกคน
Mindvalley เหมาะกับใคร?:
Mindvalley ให้ประสบการณ์การเรียนรู้ที่ไม่เหมือนใคร หากเป้าหมายในการเรียนรู้ของคุณคือการมุ่งไปที่การเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่ Mindvalley อาจคือคำตอบที่ดีมาก ด้วยเนื้อหาที่เน้นการเติบโต เสริมสร้างศักยภาพ และมีชุมชนที่คอยให้การสนับสนุน Mindvalley จะช่วยให้คุณไปถึงเป้าหมายได้อย่างแท้จริง
หมายเหตุ:
- ราคาดังกล่าวเป็นราคาโดยประมาณ อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามโปรโมชั่น และค่าเงิน
- ผู้เรียนควรเลือกคอร์สอย่างรอบคอบ พิจารณารีวิวจากผู้เรียนก่อนตัดสินใจสมัครสมาชิก
6. MasterClass
MasterClass ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 โดย Aaron Rasmussen และ David Rogier เป็นแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ที่นำเสนอโดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในหลากหลายสาขา เช่น ภาพยนตร์ ดนตรี การเขียน การทำอาหาร กีฬา และอื่น ๆ
จุดเด่นของ MasterClass:
- ผู้สอนซึ่งเป็นคนดังระดับโลก: MasterClass โดดเด่นด้วยการนำเสนอผู้สอนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานในแต่ละสาขา ตั้งแต่เชฟระดับโลกอย่าง Gordon Ramsay นักเขียนมือรางวัลอย่าง Neil Gaiman ไปจนถึงนักกีฬาชื่อดังระดับโอลิมปิกอย่าง Serena Williams
- สไตล์การผลิตในระดับสูง: MasterClass ทุ่มเทมากๆกับคุณภาพการถ่ายทำ การตัดต่อ ทำให้คอร์สเรียนต่างๆออกมาดูดี เทียบเท่ากับภาพยนตร์สั้น ทำให้การเรียนนั้นน่าสนใจ และตื่นตาตื่นใจ
- เนื้อหาเชิงลึก: คอร์สต่างๆเจาะลึกในแต่ละหัวข้ออย่างมาก ผู้เรียนจะได้รับทั้งมุมมอง ทักษะ และเคล็ดลับแบบที่หาจากที่อื่นไม่ได้ง่ายๆ
- สอนให้คิด ไม่ใช่แค่ทำตาม: แนวทางการสอนของ MasterClass เน้นมากกว่าการบอกวิธีทำแบบทีละขั้นตอน แต่จะเป็นการแชร์แนวคิด ประสบการณ์ และจุดเปลี่ยนสำคัญ ทำให้ผู้เรียนต้องคิดและประยุกต์ใช้ได้จริงในชีวิต
- ชุมชนนักเรียน: ใน MasterClass มีพื้นที่ให้นักเรียนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ให้กำลังใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่กัน
ราคาของ MasterClass:
สมัครสมาชิก
- Standard: $120/ปี หรือคิดเป็น $10/เดือน (ประมาณ 4,200 บาท/ปี หรือ 350 บาท/เดือน)
- Plus: $180/ปี หรือคิดเป็น $15/เดือน (ประมาณ 6,300 บาท/ปี หรือ 525 บาท/เดือน)
- Premium: $240/ปี หรือคิดเป็น $20/เดือน (ประมาณ 8,400 บาท/ปี หรือ 700 บาท/เดือน)
ไม่มีการสมัครสมาชิกรายเดือน จ่ายเป็นรายปีเท่านั้น
ข้อดีของ MasterClass:
- ราคาย่อมเยา
- นำเสนอหัวข้อมากมายหลากหลายประเภท
- ได้เรียนกับผู้สอนซึ่งเป็นคนดังระดับโลก
- เนื้อหาที่มีคุณภาพสูง ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูภาพยนตร์
- เรียนเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ
- มีแอปมือถือ
ข้อเสียของ MasterClass:
- ไม่มีทดลองใช้งานฟรี
- ไม่มีคอร์สเรียนฟรี
- ไม่มีCertificate
- ไม่มีรีวิวคอร์สเรียนแต่ละคอร์ส
MasterClass เหมาะกับใคร?:
MasterClass เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแรงบันดาลใจด้วยการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ซึ่งได้รวบรวมผู้สอนที่เป็นสุดยอดในหลากหลายสาขา เช่น นักแสดง นักดนตรี นักเขียน นักกีฬา เชฟ นักธุรกิจ ดื่มด่ำกับประสบการณ์การเรียนรู้ที่สุดยอด เรียนรู้แบบเชิงลึก ได้รับทั้งมุมมอง ทักษะ และเคล็ดลับแบบหาไม่ได้ง่ายๆจากเหล่าเซเลบผู้เลื่องชื่อ
หมายเหตุ:
- ราคาดังกล่าวเป็นราคาโดยประมาณ อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามโปรโมชั่น และค่าเงิน
- ผู้เรียนควรเลือกคอร์สอย่างรอบคอบ พิจารณารีวิวจากผู้เรียนก่อนตัดสินใจสมัครสมาชิก
7. Rocket Languages
Rocket Languages ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 เป็นแพลตฟอร์มการเรียนภาษาที่มีบทเรียนภาษาต่างๆให้เลือก มากถึง14ภาษา มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงหัวใจของภาษา นำเสนอการเรียนผ่านบทสนทนาและเสียง บทเรียนภาษาและวัฒนธรรม เครื่องมือการเอาตัวรอด ฝึกฝนการออกเสียง และการใช้แฟลชการ์ด
จุดเด่นของ Rocket Languages:
- เรียนรู้ผ่านบทสนทนา: นำเสนอการเรียนผ่านวีดิโอเสียง ที่เริ่มต้นด้วยบทสนทนาระดับพื้นฐาน พร้อมทั้งยังมีการถอดเสียงขณะที่กำลังพูดด้วยช่วยให้ผู้เรียนอ่านตามตัวหนังสือที่ปรากฏขณะที่ฟังบทสนทนาไปด้วยได้
- เรียนรู้ด้วยการมีส่วนร่วม: Rocket Languages กระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้เรียนด้วยการฝึกฝนการพูดผ่านบทสนทนาที่เจ้าของภาษานั้นๆใช้กันจริงๆ
- บทเรียนภาษาและวัฒนธรรม: Rocket Languages สอนบทเรียนไวยากรณ์และคำศัพท์ให้แก่ผู้เรียนผ่านบทเรียนที่ชื่อว่า Language & Culture Lessons ออกแบบมาเพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจถึงการทำงานของภาษานั้นๆ ผ่านการทำความรู้จักกับวัฒนธรรมของภาษาที่ผู้เรียนเลือกเรียน
- ระบบติดตามความคืบหน้า: ผู้เรียนสามารถเห็นความก้าวหน้าของตัวเองได้อย่างชัดเจน มีการสะสมคะแนนพร้อมทั้งการจัดอันดับบนลีดเดอร์บอร์ดเพื่อเปรียบเทียบความก้าวหน้าของตนเองและผู้เรียนคนอื่นๆ ช่วยให้เกิดแรงจูงใจในการเรียนอย่างต่อเนื่อง
- เข้าถึงได้อย่างไม่จำกัดตลอดชีวิต: Rocket Languages ไม่มีการสมัครสมาชิกรายเดือน มีเพียงการจ่ายแบบครั้งเดียวเท่านั้น ผู้เรียนก็จะสามารถเข้าถึงบทเรียนได้อย่างไม่จำกัดตลอดชีพ
- ระบบการจดจำเสียง: ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้การออกเสียงภาษานั้นๆได้อย่างถูกต้อง
- เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น: ออกแบบมาสำหรับผู้เริ่มเรียนภาษาที่ต้องการพูดได้อย่างคล่องแคล่ว
ราคาของ Rocket Languages:
จ่ายแบบครั้งเดียว:
- Level 1 (Beginner to intermediate): $149.95 ประมาณ 5,300บาท
- Level 1 & 2 (Beginner to advanced): $299.90 ประมาณ 10,500บาท
- Level 1, 2 & 3 (Beginner to advanced): $449.85 ประมาณ 15,800บาท
มีให้ทดลองใช้งานฟรี
ข้อดีของ Rocket Languages:
- มีภาษาให้เลือกเรียนมากถึง14ภาษา คือภาษาอังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน ญี่ปุ่น จีน เกาหลี รัสเซีย อารบิก ฮินดี โปรตุเกส และภาษามือแบบอเมริกัน
- จ่ายเพียงครั้งเดียวก็สามารถเข้าถึงได้ตลอดชีวิตและไม่จำกัด
- รูปแบบการเรียนสนุกให้ความรู้สึกเหมือนกับการเล่นเกมด้วยการสะสมคะแนนจัดอันดับ
- การถอดเสียงจากบทเรียนคลิปเสียง
- เน้นการผึกการพูด การออกเสียงอย่างถูกต้อง
- เป็นมิตรต่อผู้เริ่มเรียนภาษา
- มีแอปมือถือ
ข้อเสียของ Rocket Languages:
- ราคาค่อนข้างสูง
- เน้นการฝึกอย่างซ้ำๆทำให้อาจรู้สึกน่าเบื่อ
Rocket Languages เหมาะกับใคร?:
Rocket Languages ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานภาษาที่อยากเรียนเป็นศูนย์ ต้องการเรียนรู้ภาษาเพื่อการสื่อสาร ทั้งยังมีหลายภาษาให้เลือกเรียน แต่ก็ไม่ใช่แค่สำหรับผู้เริ่มต้นเท่านั้นหากว่าคุณมีพื้นฐานอยู่แล้ว Rocket Languages ก็มีระดับให้คุณได้เลือกเรียนถึง3ระดับด้วยกันตั้งแต่BeginnerไปจนถึงระดับAdvanced
หมายเหตุ:
- ราคาดังกล่าวเป็นราคาโดยประมาณ อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามโปรโมชั่น และค่าเงิน
- ผู้เรียนควรเลือกภาษาและระดับที่เหมาะสม พิจารณารีวิวจากผู้เรียนก่อนตัดสินใจสมัครสมาชิก
8. Thinkific
Thinkific แตกต่างไปจากแพลตฟอร์มออนไลน์อื่นๆ ในลิสต์นี้ เพราะThinkific ไม่ใช่แพลตฟอร์มสำหรับการเรียน แต่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการสร้างและขายคอร์สเรียนออนไลน์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2012 ผู้ใช้งานสามารถสร้างเว็บไซต์ของตัวเอง โฮสต์วิดีโอ ขายคอร์สออนไลน์ และจัดการธุรกิจการสอนออนไลน์ของตัวเองได้
จุดเด่นของ Thinkific:
- ใช้งานง่าย: มีอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน สามารถสร้างและจัดการคอร์สออนไลน์ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านเทคนิค ไม่ต้องเขียนโค้ดให้ยุ่งยาก และไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์มาก่อนก็ได้
- เครื่องมือการสร้างคอร์สเรียน: ใช้การสร้างคอร์สแบบลากวาง ทั้งยังมีธีมไว้ให้อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังสามารถที่จะเพิ่มเนื้อหาประเภทใดก็ได้ลงในคอร์สไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ วิดีโอ หรือแม้แต่ควิซ
- เครื่องมือครบครัน: มีเครื่องมือครบครันสำหรับการสร้างคอร์สออนไลน์ เช่น เครื่องมือสร้างวิดีโอ เครื่องมือสร้างแบบทดสอบ เครื่องมือสร้าง Landing Page
- ตัวเลือกการขายที่ยืดหยุ่น: มีตัวเลือกการขายที่หลากหลาย ผู้สร้างเนื้อหาสามารถเลือกขายคอร์สออนไลน์แบบเดี่ยว หรือแบบรวมเป็นแพ็กเกจก็ได้
- ชุมชนนักเรียน: สามารถสร้างชุมชนนักเรียนเพื่อให้ผู้เรียนสามารถแลกเปลี่ยนความรู้กันได้
- เครื่องมือการตลาด: มีเครื่องมือการตลาดที่ช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาสามารถโปรโมทคอร์สออนไลน์ของตัวเองได้
ราคาของ Thinkific:
Thinkific มีหลายรูปแบบการสมัครสมาชิก:
- ฟรี:
- Basic: $49/เดือน หรือ $36/เดือน ในกรณีที่จ่ายเป็นรายปี (ประมาณ 1,720บาท/เดือน หรือ 1,260บาท/เดือน)
- Start: $99/เดือน หรือ $74/เดือน ในกรณีที่จ่ายเป็นรายปี (ประมาณ 3,500บาท/เดือน หรือ 2,600บาท/เดือน)
- Grow: $199/เดือน หรือ $149/เดือน ในกรณีที่จ่ายเป็นรายปี (ประมาณ 7,000บาท/เดือน หรือ 5,220บาท/เดือน)
มีให้ทดลองใช้งานฟรี
ข้อดี:
- มีแพ็คเกจฟรี สามารถสร้างคอร์สเรียนได้ฟรี
- มีคอร์สให้เรียนฟรีด้วย
- ใช้งานง่าย
- ไม่ต้องเขียนโค้ด
- มีเครื่องมือมากมายที่จะช่วยในการโปรโมทคอร์สเรียน
- สร้างชุมชนผู้เรียนได้
ข้อเสีย:
- ฟีเจอร์บางตัวจำกัดในแพ็กเกจฟรี
- ฟีเจอร์บางตัวมีจำกัดในแพ็กเกจราคาถูก ต้องจ่ายเงินเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้ได้ใช้งานตัวเลือกอื่นๆมากขึ้น
Thinkific เหมาะกับใคร?:
Thinkific เหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆที่ต้องการสร้างรายได้จากความรู้ที่ตนเองมีด้วยการสร้างและขายคอร์สออนไลน์ ด้วยความที่เป็นมิตรกับผู้เริ่มต้นอย่างมาก ใช้งานง่าย มีเครื่องมือครบครัน และสามารถสร้างคอร์สได้อย่างฟรีๆ อีกด้วย Thinkific จึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีในการเริ่มต้นสร้างคอร์สออนไลน์
สรุป
บทความนี้ได้แนะนำ 8 แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ยอดนิยมในปี 2024 พร้อมเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย และราคา หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านในการเลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะกับความต้องการและงบประมาณของตัวคุณเองนะคะ
ตารางสรุป:
แพลตฟอร์ม | คืออะไร? | ข้อดี | ข้อเสีย | ราคา | เหมาะกับใคร? |
Udemy | แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ขนาดใหญ่ มีคอร์สหลากหลาย | คอร์สหลากหลาย ราคาถูก เข้าถึงง่าย | คุณภาพคอร์สไม่สม่ำเสมอ เน้นสอนทักษะทั่วไป | คอร์สฟรี – 7,000+บาท/คอร์ส | ผู้เรียนทั่วไป ต้องการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ |
Skillshare | แพลตฟอร์มเน้นคอร์สสอนทักษะการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ | เน้นคอร์สสอนทักษะทางความคิดสร้างสรรค์และมีชุมชนที่คึกคัก | คุณภาพคอร์สไม่สม่ำเสมอ และไม่มีCertificate | 1,120บาท/เดือน | ผู้เรียนที่ต้องการพัฒนาทักษะการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ |
Coursera | แพลตฟอร์มคอร์สออนไลน์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำ | คอร์สดีๆที่มีคุณภาพสูง ได้ใบCertificateจากมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก | ราคาค่อนข้างสูง | 2,100บาท/เดือน | ผู้เรียนที่ต้องการเรียนรู้ทักษะแบบเข้มข้น ต้องการCertificateจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ |
edX | แพลตฟอร์มคอร์สออนไลน์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำ | คอร์สคุณภาพสูง ได้Certificateจากมหาวิทยาลัยระดับโลก มีคอร์สฟรีมากมายให้ลองเลือก | ราคาค่อนข้างสูง | ฟรี – 10,500บาท/คอร์ส | ผู้เรียนที่ต้องการเรียนรู้ทักษะแบบเข้มข้น ต้องการใบCerจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ |
Mindvalley | แพลตฟอร์มคอร์สเรียนพัฒนาตนเอง | เน้นคอร์สพัฒนาตนเอง พัฒนาศักยภาพ ผู้สอนเป็นผู้เชี่ยวชาญ | ราคาค่อนข้างสูง | 3,500บาท/เดือน | ผู้เรียนที่ต้องการพัฒนาตนเองโดยภาพรวม |
MasterClass | แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์สอนโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียง | ผู้สอนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงระดับตำนาน เนื้อหามีคุณภาพสูง | ไม่มีให้ทดลองเรียนฟรีและไม่มีใบCer | 4,200 – 8,400บาท/ปี | ผู้เรียนที่ต้องการเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงระดับโลก |
Rocket Languages | แพลตฟอร์มการเรียนภาษา | มีภาษาให้เลือกเรียนเยอะ เน้นการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร | ราคาค่อนข้างสูง | 5,300 – 15,800บาท/ภาษา | ผู้เรียนที่ต้องการเรียนรู้ภาษาเพื่อการสื่อสาร |
Thinkific | แพลตฟอร์มสร้างและขายคอร์สออนไลน์ | ใช้งานง่าย เครื่องมือครบครัน ปรับแต่งได้ | ฟีเจอร์จำกัดในแพ็จเกจฟรี | ฟรี – 7,000บาท/เดือน | ผู้สร้างที่ต้องการสร้างคอร์สออนไลน์ |
หมายเหตุ: ราคาและฟีเจอร์อาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบข้อมูลล่าสุดกับเว็บไซต์ของแพลตฟอร์มแต่ละแห่ง
คำแนะนำ:
- เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะกับความต้องการและงบประมาณของคุณ
- อ่านรีวิวจากผู้ใช้ก่อนตัดสินใจสมัครสมาชิก
- ทดลองใช้งานฟรี (ถ้ามี)
- ตั้งเป้าหมายการเรียนรู้ วางแผนการเรียน
- ลงมือทำ ฝึกฝน พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
หมายเหตุ:
- ข้อมูลในตารางสรุปเป็นเพียงข้อมูลคร่าวๆ ผู้ใช้ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจสมัครสมาชิก
- ยังมีแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์อีกมากมาย บทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วน